ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ สวัสดีปีใหม่จีนครับท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน ขอให้เฮงเฮงรวยรวยมีความสุขกันทุกท่านนะครับ ผมเพิ่งกลับจาก “เซี่ยงไฮ้” เมืองใหญ่ที่สุดของจีน วันเสาร์สบายๆวันตรุษจีนวันนี้ ผมเลยขอนำเรื่อง “เซี่ยงไฮ้ : นครแห่งความหลัง” มาเล่าสู่กันฟังนะครับไม่เกี่ยวกับความรักอะไรหรอกครับ แต่เป็นเรื่องที่หลายท่านอาจยังไม่รู้ ปีหน้า 2568 ไทยจีนจะฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 50 ปี กันแล้ว นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ก็เพิ่งฝากท่านหวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนที่มาเยือนไทยให้เรียนเชิญ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อฉลองความสัมพันธ์สองประเทศครบ 50 ปี

ปีหน้า ผมก็คิดจะฉลอง 50 ปี การเดินทางไปเยือนจีนและเซี่ยงไฮ้เหมือนกัน ฟังดูโก้ดี

ผมไปจีนเมื่อ 50 ปีก่อน ในฐานะ นักข่าวไทยรัฐ โดยไปกับเพื่อนนักข่าวที่สนิทกันอีก 4 คน รวม 5 คน หลังจากที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้เปิดความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2518 โจว เอินไหล นายกรัฐมนตรีจีนให้การต้อนรับ นายกฯคึกฤทธิ์ อย่างยิ่งใหญ่มาก ได้พบกับท่านเหมา เจ๋อ ตุง ประธานพรรคคอมมิวนิสต์ ที่มหาศาลาประชาชนโดยใช้เวลาสนทนากันเกือบ 50 นาที ถือว่า ประธานเหมา ให้เกียรตินายกฯไทยอย่างมาก

ในคณะของ นายกฯคึกฤทธิ์ มีนักข่าวอาวุโสร่วมคณะไปด้วย ส่วนคณะของผม 5 คน เป็น คณะนักข่าวเด็กๆ แต่มี คุณเท่ห์ จงคดีกิจ บก.บางกอกโพสต์ เป็นผู้ใหญ่ไปด้วยหนึ่งท่าน เป็นคณะนักหนังสือพิมพ์ไทยชุดที่ 2 ที่ไปเยือนจีนหลังเปิดความสัมพันธ์ทางการทูต

แม้จะเป็นคณะนักข่าวเด็กๆ แต่ก็ใหญ่ไม่ใช่เล่น เพราะเป็น แขกพิเศษ ของ นายกฯโจว เอินไหล นายกฯคู่ใจของ ท่านประธานเหมา เราจึงได้รับการต้อนรับเป็นพิเศษ การที่คณะเราได้เป็นแขกพิเศษ นายกฯโจว ก็เพราะ คุณวรรณไว พัธโนทัย เพื่อนเลิฟในกลุ่มลูกชายคนเล็กของ ครูสังข์ พัธโนทัย ซึ่งอยู่เบื้องหลังการสานสัมพันธ์ไทยจีนจนเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตได้สำเร็จ ครูสังข์ ได้ส่ง คุณวรรณไว และ น้องสาว ไปเป็นตัวประกันทางการเมืองกับรัฐบาลจีน และ นายกฯโจวก็รับไว้เป็นบุตรบุญธรรม ในภาพยนตร์ประวัติ นายกฯโจว เอินไหล ที่ฉายในจีน ก็มีประวัติตอนที่ คุณวรรณไว เป็นตัวประกันด้วย

...

การไปเยือนจีนครั้งนี้ คุณวรรณไว เป็นผู้จัดการให้ทั้งหมด ทุกอย่างจึงสะดวกสบาย

การไป กรุงปักกิ่ง เมื่อ 50 ปีก่อน ไม่มีเครื่องบินตรง ต้องบินจากกรุงเทพฯไปลงที่ฮ่องกง แล้วนั่งรถไฟจากฮ่องกงเข้าไปที่เมืองกวางเจา แล้วจึงนั่งเครื่องบินจากกวางเจาไปปักกิ่ง จากปักกิ่งเราก็บินไปคุนหมิง ไปฟังเรื่องราวเกี่ยวกับพรรคคอมมิวนิสต์ในไทย จากคุนหมิงเราบินต่อไปยังเซี่ยงไฮ้ แต่ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่กวางเจา ไม่สามารถบินตรงรวดเดียวหรือนั่งรถไฟความเร็วสูงแบบสมัยนี้

ประเทศจีนสมัยนั้นยังไม่มีสีสันอะไรเลย คนจีนกว่าพันล้านคนใส่เสื้อผ้าแค่สองสีคือสีดำกับสีน้ำเงินเข้ม บ้านเมืองก็ไม่มีแสงสีเหมือนปัจจุบัน เซี่ยงไฮ้ ก็เช่นเดียวกัน เป็นเมืองท่าปากแม่น้ำแยงซีเกียง เป็นอู่ต่อเรือ ตัวเมืองถูกแม่น้ำหวงผู้แบ่งเป็นสองส่วนคือ ผู่ซี (เมืองเก่า) กับ ผู่ตง(เมืองใหม่) วันนี้กับ 50 ปีก่อนต่างกันราวฟ้ากับดิน ปัจจุบันเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองใหญ่อันดับ 1 ของจีน ใหญ่อันดับ 3 ของโลก มีประชากรทั้งหมดกว่า 40ล้านคน มีจีดีพีราว 24 ล้านล้านบาท รายได้ต่อหัวชาวเซี่ยงไฮ้อยู่ที่ 26,747ดอลลาร์สหรัฐฯ ราว 936,000 กว่าบาท สนามบินเซี่ยงไฮ้ผู่ตงแค่เทอร์มินัลเดียวก็ใหญ่กว่าสนามบินสุวรรณภูมิ

ใครไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้วันนี้คงจินตนาการไม่ออกว่า 50 ปีก่อนเซี่ยงไฮ้เป็นอย่างไร แต่ตึกเก่าทรงยุโรปย่านเดอะบันยังเหมือนเดิม ตรุษจีนปีนี้ผมเพิ่งกลับจากเซี่ยงไฮ้ เลยถือโอกาสรำลึกถึงความหลังเมื่อ 50 ปีก่อน ต่อมาผมก็ไปเซี่ยงไฮ้อีกหลายครั้ง ได้เห็นผู่ตงตั้งแต่เป็นท้องนา จนเป็นเมืองทันสมัยใหญ่ติดอันดับโลกในปัจจุบัน เซี่ยงไฮ้สร้างรถไฟใต้ดินสายแรกช่วงเวลาเดียวกับกรุงเทพฯสร้างรถไฟใต้ดินสายแรก วันนี้เซี่ยงไฮ้มีรถไฟใต้ดิน 19 สาย ระยะทางพันกว่า กม. แต่กรุงเทพฯยังมีรถไฟใต้ดินแค่สายเดียว.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม