รัสเซีย-จีน ร่วมกันประณามสหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีอิรักและซีเรีย ชี้หวัง ‘เบ่งอำนาจ’ จนทำภูมิภาคตะวันออกกลางทวีความตึงเครียดมากขึ้น

เมื่อ 6 ก.พ. 2567 สำนักข่าวอัลจาซีรารายงาน รัฐบาลรัสเซียและจีนจับมือกัน ประณามสหรัฐฯ อย่างรุนแรงที่เปิดฉากโจมตีเป้าหมายในอิรักและซีเรีย เพื่อตอบโต้เหตุการณ์ฐานทัพสหรัฐฯ ‘Tower 22’ (ทาวเวอร์ 22) ที่จอร์แดน ใกล้ชายแดนติดซีเรีย ถูกกลุ่มติดอาวุธซึ่งอิหร่านสนับสนุน โจมตีด้วยโดรนพิฆาต เป็นเหตุให้ทหารอเมริกันเสียชีวิต 3 ศพ และบาดเจ็บกว่า 40 นาย เมื่อ 28 มกราคม ที่ผ่านมา จนนับเป็นเหตุโจมตีโดยฝ่ายข้าศึกที่ทำให้ทหารสหรัฐฯ ซึ่งประจำการในภูมิภาคตะวันออกกลางเสียชีวิตเป็นครั้งแรก หลังจากกลุ่มฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคม 2566

เอกอัครราชทูตรัสเซียและจีน ได้กล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อเย็นวันที่ 5 ก.พ. 2567 ตามเวลาท้องถิ่น กล่าวหารัฐบาลสหรัฐฯ ว่ายกระดับความเสี่ยงของภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยนายวาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ ยังชี้ว่าการตัดสินใจโจมตีเป้าหมายกลุ่มติดอาวุธในอิรักและซีเรีย เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งใหม่ที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ย. 2567

วาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ
วาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ

...

รัสเซีย ซึ่งก่อสงครามในยูเครน จนเป็นหัวข้อโต้แย้งกันอย่างเคร่งเครียดในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นในช่วงสองปีก่อน เป็นประเทศที่ได้ยื่นญัตติขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเปิดประชุม หลังจากสหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีเป้าหมายหลายสิบแห่งทั่วอิรักและซีเรีย ตอบโต้ที่กลุ่มติดอาวุธ ‘ขบวนการอิสลามเพื่อการต่อต้านในอิรัก’ ซึ่งอิหร่านสนับสนุน โจมตีฐานทัพทาวเวอร์ 22 ของสหรัฐฯ ในจอร์แดน

นายวาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ ยังกล่าวหาการโจมตีครั้งนี้ของสหรัฐฯ ว่า เป็นความพยายาม ‘เบ่งอำนาจ’ และราดน้ำมันลงบนความขัดแย้งในตะวันออกกลางให้รุนแรงมากขึ้น

ด้านนายจาง จุน เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ ประณามการโจมตีในครั้งนี้ของสหรัฐฯ โดยชี้ว่าเป็นการทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางทวีมากขึ้น

ที่มา : Aljazeera