- ชาวไต้หวันเตรียมออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ในวันที่ 13 มกราคม 2024 สืบต่อจาก 'ไช่ อิงเหวิน' ที่เป็นประธานาธิบดีมาแล้ว 2 สมัย และหมดสิทธิลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำไต้หวันเป็นสมัยที่ 3 ตามข้อห้ามในรัฐธรรมนูญ
- ผู้สมัครตัวเต็งจาก 3 พรรคการเมือง เร่งสปีดหาเสียงกันในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง ขณะที่ 'ไล่ ชิงเต๋อ' จากพรรครัฐบาล DPP ยังคงมีคะแนนนิยมเหนือคู่แข่งคนสำคัญ 'โหว โหย่วอี๋' จากพรรคก๊กมินตั๋ง ในขณะที่ 'เคอ เหวินเจ๋อ' ผู้สมัครจากพรรค TPP ยังคงมีลุ้นกระแสความนิยมจากคนรุ่นใหม่จะช่วยส่งให้ได้คะแนนเสียงมากขึ้นขนาดไหน
- จีนและสหรัฐฯ กำลังเฝ้าจับตาผลการเลือกตั้งที่จะออกมาอย่างใกล้ชิด ขณะที่สื่อยักษ์ใหญ่ อย่าง CNN ชี้การตัดสินใจเลือกของชาวไต้หวันจะสั่นสะเทือนไปไกลนอกพรมแดน และผลเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ออกมาจะเป็นบททดสอบจีนกับสหรัฐฯ ว่าจะจัดการสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในไต้หวันต่อไปอย่างไร
ชาวไต้หวันซึ่งมีสิทธิเลือกตั้ง ประมาณ 19.5 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งหมดกว่า 23 ล้านคน เตรียมออกไปเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่และสมาชิกรัฐสภาชุดใหม่ในวันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2024
ขณะที่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันครั้งนี้ ซึ่งเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ 8 กำลังถูกจับตามองจากรัฐบาลจีนและสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด
...
ใครคือผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีใหม่ไต้หวัน?
บรรยากาศหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวัน 2024 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาชุดใหม่ ช่วงโค้งสุดท้ายเป็นไปอย่างคึกคัก ผู้สมัครตัวเต็งจาก 3 พรรคเร่งหาเสียงกันเต็มสปีดก่อนถึงวันหย่อนบัตรเลือกตั้ง เพื่อหวังช่วงชิงคะแนนเสียงจากชาวไต้หวันที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกผู้สมัครจากพรรคใดมาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ไต้หวัน สืบต่อจากประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน จากพรรครัฐบาล ประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP)
ไช่ อิงเหวิน ได้เป็นประธานาธิบดีไต้หวันติดต่อกันสองสมัย หลังจากสร้างประวัติศาสตร์ เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของไต้หวันในปี 2016 และชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2020 ทว่ารัฐธรรมนูญไต้หวันระบุไว้ว่า ห้ามไม่ให้ประธานาธิบดีคนเดิม ดำรงตำแหน่งต่ออีกเป็นสมัยที่ 3 จึงทำให้ไช่ อิงเหวิน หมดสิทธิ์ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในครั้งนี้
ขณะที่ทางพรรค DPP ยังกำลังลุ้นกันว่าจะมีผู้สมัครของพรรค DPP ได้เป็นประธานาธิบดีต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 3 เป็นครั้งแรกของไต้หวันได้สำเร็จหรือไม่
จากผลโพลสำรวจความนิยมก่อนถึงวันเลือกตั้ง 'วิลเลียม ไล่ ชิงเต๋อ' รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ผู้สมัครจากพรรครัฐบาล 'ประชาธิปไตยก้าวหน้า' (DPP) ซึ่งมีจุดยืนต่อต้านการรวมชาติจีน สนับสนุนอย่างแข็งขันที่ต้องการให้ไต้หวันให้เป็นเอกราชจากจีน ได้คะแนนนิยมมาเป็นอันดับหนึ่งมาตลอด ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว
...
ตามด้วย 'โหว โหย่วอี๋' นายกเทศมนตรีเมืองนิวไทเป ผู้สมัครจากพรรคก๊กมินตั๋ง พรรคฝ่ายค้านหลักของไต้หวัน ซึ่งมีจุดยืนส่งเสริมความสัมพันธ์กับจีน
และ 'เคอ เหวินเจ๋อ' อดีตนายกเทศมนตรีกรุงไทเป ซึ่งเคยเป็นศัลยแพทย์มาก่อน จากพรรคประชาชนไต้หวัน (Taiwan People’s Party) หรือ TPP ได้คะแนนนิยมมาเป็นอันดับ 3
...
‘เคอ เหวินเจ๋อ’ กลายเป็นขวัญใจคนรุ่นใหม่
ก่อนถึงวันเลือกตั้ง เคอ เหวินเจ๋อ จากพรรค TPP ซึ่งเพิ่งตั้งพรรคเมื่อปี 2019 ได้รับความนิยมจากเยาวชน คนรุ่นใหม่ 'Gen Z' ในไต้หวัน ที่ต้องการเลือกความใหม่ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่อยากให้ไต้หวันต้องติดอยู่กับพรรคการเมืองสองพรรคที่มีนโยบายคนละขั้วซึ่งผลัดกันมาบริหารปกครองไต้หวัน
เคอ เหวินเจ๋อ อดีตนายกเทศมนตรีกรุงไทเป เพิ่งเข้าสู่การเมืองเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และไม่เคยลงสนามใหญ่เลือกตั้งมาก่อน จึงทำให้เคอ เหวินเจ๋อ วางตัวเองในฐานะ 'คนวงนอกทางการเมือง'
ขณะที่เคอ เหวินเจ๋อ ได้เลือก ‘ซินเธีย วู’ สส.หญิง ซึ่งเป็นบุตรสาวคนโต ทายาทของอาณาจักร ชินกงกรุ๊ป บริษัทยักษ์ใหญ่ของไต้หวัน มาเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดี และคงต้องติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันว่า เคอ เหวินเจ๋อ จะได้แรงหนุนส่งจากเยาวชนที่มีสิทธิเลือกตั้ง (อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป)จนทำให้ได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้นขนาดไหน
จีน สหรัฐฯ จับตาผลการเลือกตั้งไต้หวันอย่างใกล้ชิด
...
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นชี้ว่าผลการเลือกตั้งไต้หวันที่ออกมาจะสั่นสะเทือนไปไกลนอกพรมแดน เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากเหล่าผู้นำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งอ้างมายาวนานว่าไต้หวันคือดินแดนส่วนหนึ่งของจีน ถึงแม้จะไม่เคยมีอำนาจในการเข้ามาปกครองไต้หวันเลยก็ตาม
สื่อใหญ่ในสหรัฐฯ ระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่ในไต้หวันไม่ต้องการตกอยู่ภายใต้การปกครองของจีน ในขณะที่ สี จิ้นผิง ผู้นำของจีนได้รวบอำนาจไว้ในมือ และประเทศจีนแสดงท่าทีก้าวร้าวมากขึ้นต่อชาติเพื่อนบ้าน
นอกจากนั้น รัฐบาลจีนยังคัดค้านอย่างเปิดเผยต่อการบริหารปกครองไต้หวันโดยรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดกรอบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของไต้หวันไว้ว่าจะเลือก 'สงคราม' หรือ 'สันติภาพ' และจะเลือก 'ความรุ่งเรือง' หรือ 'ความถดถอย'
อีกทั้งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังกล่าวสุนทรพจน์ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2024 ข่มขวัญก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันว่า ดินแดนไต้หวันคือส่วนหนึ่งของจีน และการรวมไต้หวันเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ซีเอ็นเอ็นชี้ว่า ไต้หวันยังคงเป็นบ่อกำเนิดความตึงเครียดใหญ่ที่สุดระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นชาติสำคัญที่คอยหนุนหลัง และให้การสนับสนุนด้านอาวุธ ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา สองชาติมหาอำนาจย่ำแย่มาหลายปีแล้ว
การตอบโต้ของจีนต่อการตัดสินใจเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ของชาวไต้หวันจะเป็นบททดสอบว่า รัฐบาลจีนและสหรัฐฯ จะสามารถจัดการกับความตึงเครียดที่เกิดขึ้นได้หรือไม่? หรือจะเดินไปข้างหน้าสู่การเผชิญหน้ากันมากขึ้น และแม้แต่การเกิดความขัดแย้ง
ด้วยเหตุนี้ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวันที่จะออกมา ใช่แต่เพียงแต่ชาวไต้หวันเท่านั้นที่กำลังลุ้นกันทั้งเกาะ เพราะขณะนี้ ยังมีสหรัฐฯ จีน รวมทั้งชาวโลกที่กำลังรอฟังผลเลือกตั้งที่จะออกมาอย่างใจจดใจจ่อไม่แพ้กัน
ผู้เขียน : อรัญญา ศรีจันทรนิตย์