ปัจจุบันการใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้นในหมู่วัยรุ่นทั่วโลก นับเป็นเทรนด์ ที่น่ากังวล แม้ว่าตัวผลิตภัณฑ์จะถูกวางตำแหน่งทางการตลาดให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าบุหรี่แบบดั้งเดิมก็ตาม
ทว่าผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารการแพทย์เดอะแลนเซตไม่เห็นด้วยตามนั้น แต่กลับชี้ให้เห็นว่าว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้เกิดการเสพติด อย่างมาก เป็นอันตรายอย่างสูง ด้วยปริมาณ นิโคตินระดับสูง แม้แต่ในผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “ปราศจากนิโคติน” ล้วนนำไปสู่การพึ่งพาสารเสพติดเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง เกิดความเสี่ยงต่อการพัฒนาและการทำงานของสมองในระยะยาว ยังมีหลักฐานใหม่เผยถึงผลเสียต่อการพัฒนาโครงสร้างและการทำงานของสมองในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงต่อการรับรู้ของระบบประสาทและพฤติกรรม ยังไม่นับว่ามีสารเคมีที่เป็นอันตราย ต่อปอดของผู้เยาว์ เกิดผลเสียต่อระบบหัวใจและปอด หลอดลมอักเสบเรื้อรัง อาการกำเริบของโรคหอบหืด ทำให้ปอดเสียหายในที่สุด
ส่งผลให้หลายประเทศเริ่มออกมาตรการยับยั้งไม่ให้เยาวชนถลำลึกตกเป็นทาสนิโคตินก่อนจะสายเกินแก้ ซึ่ง “ไอร์แลนด์” เป็นประเทศล่าสุดที่การ ห้ามขายผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าแก่ผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 22 ธ.ค. หากฝ่าฝืนถือเป็นความผิด มีโทษปรับสูงสุดเป็นเงิน 4,000 ยูโร (ราว 153,150 บาท) และโทษจำคุกสูงสุด 6 เดือน ขณะที่รัฐบาลไอร์แลนด์ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ แต่จะเริ่มดำเนินการมาตรการที่เหลือต่อไปในปี 2567 ไม่ว่าจะเป็นข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ระบบการออกใบอนุญาต ตู้จำหน่าย สินค้าอัตโนมัติ รวมทั้งจะตรวจสอบผลการปรึกษาหารือสาธารณะเกี่ยวกับกฎระเบียบเพิ่มเติมของบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ที่มีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 5 ม.ค. 2567 เพื่อรับข้อเสนอแนะจากสาธารณชนว่าด้วยทางเลือกในการควบคุมผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องรสชาติและบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งแนวทางควบคุมยาสูบ
...
รัฐบาลไอร์แลนด์ที่ให้ความสำคัญในการปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนเชื่อว่านโยบายนี้เป็น “จุดเริ่มต้นที่ดี” หลังจากผลการสำรวจในกลุ่มหนุ่มสาวไอริชอายุ 10-24 ปี จำนวน 900 คน เมื่อเดือน ต.ค.เผยว่า 1 ใน 3 ของวัยรุ่น อายุ 13-16 ปี ใช้บุหรี่ไฟฟ้าโดยไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน ทุกกลุ่มอายุเชื่อว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวทำให้ดู “เท่” ได้รับการยอมรับ มีสถานะทางสังคม รู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกันในกลุ่มเพื่อนฝูง ...แต่หารู้ไม่ว่าอันตรายกว่าที่คิด.
อมรดา พงศ์อุทัย