- อิสราเอลอนุมัติข้อตกลงปล่อยตัวประกันที่พวกเขาทำร่วมกับกลุ่มฮามาสแล้ว โดยจะแลกตัวประกัน 50 คน กับนักโทษปาเลสไตน์ 150 คน และพักรบในกาซานาน 4 วันด้วย
- นอกจากเรื่องปล่อยตัวประกัน อิสราเอลยังยอมให้รถบรรทุกขนเสบียงและส่งของช่วยเหลือเดินทางเข้าสู่กาซาได้ ท่ามกลางวิกฤติด้านมนุษยธรรมที่กำลังเกิดขึ้นในดินแดนเล็กๆ แห่งนี้
- แต่ทว่า สงครามยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง อิสราเอลยังคงมุ่งมั่นจะกำจัดกลุ่มฮามาส ขณะที่กลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ก็พร้อมตอบโต้
อิสราเอลกับกลุ่มฮามาสบรรลุข้อตกลงปล่อยตัวประกัน 50 คนที่ถูกจับเอาไว้ในฉนวนกาซา แลกกับการปล่อยชาวปาเลสไตน์ จำนวน 150 คน ที่ถูกคุมขังในอิสราเอล รวมถึงพักรบเป็นเวลา 4 วัน และเพื่อการขนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่กาซาด้วย
ข้อตกลงดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลอิสราเอลในช่วงเช้าวันพุธ หลังจากมีการเจรจากันนานหลายสัปดาห์ โดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าวว่า ข้อตกลงนี้จะยุติความเจ็บป่วยเกินบรรยายของตัวประกันบางส่วน และบรรเทาความทุกข์ทรมานของครอบครัวชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธ์
อย่างไรก็ตาม สงครามในกาซาไม่ได้ยุติลง รัฐบาลอิสราเอลประกาศกร้าวว่า การต่อสู้จะเสร็จสิ้นก็ต่อเมื่อกำจัดกลุ่มฮามาส และช่วยเหลือตัวประกันมากกว่า 200 คน ที่ถูกกลุ่มฮามาสลักพาตัวไปตั้งแต่ 7 ต.ค. ได้ครบทุกคนแล้วเท่านั้น
ขณะที่ ฝ่ายฮามาส ระบุว่า ข้อตกลงนี้จะให้เวลาชาวปาเลสไตน์ฟื้นตัวหลังถูกกองทัพอิสราเอลโจมตีอย่างหนักทางทางอากาศและภาคพื้นดิน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วไม่น้อยกว่า 14,000 ศพ
...
เบื้องหลังข้อตกลงปล่อยตัวประกัน
ข้อตกลงปล่อยตัวประกันนี้เกิดขึ้นหลังจากการเจรจากันนานหลายสัปดาห์ ระหว่างเจ้าหน้าที่ของอิสราเอลและกลุ่มฮามาส โดยมีสหรัฐฯ กาตาร์ และอียิปต์ เป็นตัวกลาง โดยการพูดคุยถูกยกเลิกและเริ่มใหม่หลายต่อหลายครั้ง ตามสถานการณ์ในฉนวนกาซาที่ทวีความรุนแรง รวมถึงตอนที่อิสราลบุกจู่โจมตีโรงพยาบาลอัลชีฟาเมื่อสัปดาห์ก่อน
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เกิดข่าวลือหนาหูว่า ข้อตกลงปล่อยตัวใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว จนกระทั้งกาตาร์ออกมายืนยันว่า พวกเขาส่งร่างข้อตกลงให้รัฐบาลอิสราเอลพิจารณาเมื่อเช้าวันอังคาร (21 พ.ย.)
และในที่สุด หลังจากประชุมเครียดนานร่วม 6 ชั่วโมง คณะรัฐมนตรีอิสราเอลก็อนุมัติข้อตกลงฉบับนี้ในช่วงเช้าวันพุธที่ 22 พ.ย. ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 38 เสียง คัดค้านเพียง 3 เสียง คือ นายอิตามาร์ เบน-กวีร์ รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติของอิสราเอล และรัฐมนตรีจากพรรคฝ่ายขวาจัดอีก 2 คน
ข้อตกลงฉบับนี้ยังเกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันมหาศาลที่รัฐบาลอิสราเอลกำลังเผชิญ จากทั้งครอบครัวของตัวประกันและจากนานาชาติ ที่ต้องการคำตอบที่ชัดเจน และต้องการให้นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ลงมือช่วยเหลือตัวประกันอย่างจริงจัง
ใครจะได้รับการปล่อยตัว?
ตามแถลงการณ์ของนายเนทันยาฮู ตัวประกันที่เป็นผู้หญิงและเด็กจำนวน 50 คน จะได้รับการทยอยปล่อยตัวในช่วง 4 วันข้างหน้า ซึ่งกองทัพจะพักการต่อสู้ในกาซา นอกจากนั้น ผู้นำอิสราเอลยังตั้งข้อเสนอล่อใจฮามาสด้วยว่า หากปล่อยตัวประกันเพิ่มทุกๆ 10 คน พวกเขาก็จะพักรบนานขึ้น 1 วัน
ด้านเจ้าหน้าที่สภาความมั่นคงแห่งชาติของอิสราเอล บอกกับสำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น ว่า จะไม่มีตัวประกันได้รับการปล่อยตัวก่อนถึงวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลง
ในเบื้องต้น ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อของตัวประกันที่จะได้รับการปล่อยตัว แต่ พันโทโจนาธาน คอนริคัส โฆษกกองทัพอิสราเอล ระบุว่า ทั้งหมดจะเป็นชาวอิสราเอล โดยมีบางคนที่ถือ 2 สัญชาติ ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ กล่าวว่า จะมีชาวอเมริกันรวมอยู่ด้วย 3 ราย รวมถึง อาบิเกล อีดัน วัย 3 ขวบ ที่พ่อแม่ถูกสังหารในการโจมตีของฮามาส
กลุ่ม Hostages and Missing Families Forum องค์กรช่วยเหลือที่เกิดขึ้นหลังการโจมตีของฮามาสเมื่อ 7 ต.ค. ได้จัดทำรายชื่อตัวประกันชาวอิสราเอล จำนวน 201 คน ที่คาดว่ายังมีชีวิตอยู่และถูกกลุ่มฮามาสจับตัวเอาไว้ โดยในกลุ่มนี้ 39 คน เป็นเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี, 44 คน เป็นผู้หญิงวัยผู้ใหญ่, 89 คนเป็นชายอายุ 18-64 ปี และ 29 คนเป็นคนอายุเกิน 64 ปี
ผู้อายุน้อยสุดที่ถูกจับเอาไว้คือ ด.ช.คฟีร์ บีบาส อายุเพียง 10 เดือน ส่วนอาวุโสสุดมี 3 คน ได้แก่ ยาฟา อาดาร์, ชโลโม มานซูร์ และ อาร์เย ซัลมาโนวิช ทั้งหมดอายุ 85 ปี
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อาวุโสของอิสราเอล กล่าวว่า กลุ่มฮามาสอาจปล่อยตัวประกันชาวไทย 26 คน โดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมกับตัวประกันชุดนี้ก็ได้ แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ
...
พักรบ 4 วัน
กลุ่มฮามาสออกแถลงการณ์ในวันพุธว่า ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ กองทัพอิสราเอลจะหยุดส่งโดรนและกิจกรรมทางอากาศทั้งหมดในภาคใต้ของกาซา ตลอดช่วง 4 วันข้างหน้า แต่สำหรับในภาคเหนือ ที่การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด อิสราเอลจะหยุดปฏิบัติการระหว่างเวลา 10.00 น. ถึง 16.00 น. เท่านั้น
ทหารและรถถังของอิสราเอลคาดว่าจะประจำตำแหน่งเดิม แต่ทหารยิวจะไม่โจมตีหรือจับกุมใคร
ข้อตกลงยังอนุญาตให้รถบรรทุกสิ่งของบรรเทาทุกข์ 200 คัน, รถบรรทุกน้ำมัน 4 คัน และรถบรรทุกแก๊ส 4 คัน เดินทางเข้าสู่ฉนวนกาซา ผ่านทางด่านราฟาห์ ติดชายแดนประเทศอียิปต์ด้วย เพื่อช่วยเหลือชาวกาซาที่กำลังขาดแคลนอาหารและของใช้จำเป็น กับโรงพยาบาลที่ไม่มีไฟฟ้าใช้จนไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่คาดว่าจะเปิดทางแค่ช่วง 4 วัน ที่หยุดยิงเท่านั้น
อิสราเอลตัดการส่งไฟฟ้าและน้ำไม่ให้เข้าสู่กาซานับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้น และยอมให้รถขนเสบียงผ่านด่านราฟาห์ได้เพียง 1,399 คัน ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทั้งที่ในช่วงก่อนสงครามมีการขนส่งเฉลี่ยถึง 10,000 คน อิสราเอลยังปิดกั้นการขนส่งน้ำมันทั้งหมดจนถึงเมื่อสัปดาห์ก่อน อ้างว่า กลัวถูกกลุ่มฮามาสขโมยไปใช้เพื่อการทหาร
นอกจากเปิดทางส่งเสบียงแล้ว ผู้นำอิสราเอลว่า เจ้าหน้าที่กาชาดจะได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมตัวประกันที่ถูกจับเอาไว้ในกาซาได้ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์ หลังจากตัวประกันบางคนได้รับการปล่อยตัวแล้ว
...
แลกตัวนักโทษปาเลสไตน์
กลุ่มฮามาสบอกอีกว่า อิสราเอลงตกลงปล่อยตัวผู้ต้องหาชาวปาเลสไตน์ 150 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้หญิงและเด็กเพื่อแลกกับตัวประกัน ถึงแม้ว่าในแถลงการณ์เบื้องต้นของรัฐบาลอิสราเอลจะไม่ระบุถึงเรื่องนี้ แต่ต่อมากระทรวงยุติธรรมก็เผยรายชื่อชาวปาเลสไตน์ 300 คน ที่มีสิทธิ์ได้เป็นอิสระ หากกลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันตามสัญญา
รายชื่อดังกล่าวประกอบด้วย เด็กชายอายุ 14-17 ปี จำนวน 123 คน, เด็กหญิงอายุ 15 ปี 1 คน, ชายอายุ 18 ปี 144 คน และผู้หญิงอายุระหว่าง 18-59 ปี 32 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ถูกคุมขังเพื่อรอการไต่สวนในข้อหาต่างๆ ตั้งแต่ ขว้างหินทำร้ายคนอื่น ไปจนถึงข้อหาพยายามฆ่า
ที่อิสราเอลตัดสินใจเผยแพร่รายชื่อดังกล่าวออกมา ก็เพราะเหตุผลด้านกฎหมาย เนื่องจากการจะปล่อยตัวนักโทษคนใด ชาวอิสราเอลต้องมีเวลา 24 ชั่วโมงในการยื่นอุทธรณ์คัดค้านการปล่อยตัวต่อศาลสูงสุด ซึ่งสมาคม ‘อัลมากอร์’ (Almagor) ของเหยื่อก่อการร้ายของปาเลสไตน์ ยื่นเรื่องคัดค้านแล้ว แต่ถูกศาลสูงสุดปฏิเสธ
อัลมากอร์ กังวลว่า การปล่อยตัวนักโทษกลุ่มนี้จะนำไปสู่การกลับมาของพฤติกรรมก่อการร้ายอีกครั้ง และทำให้ชาวอิสราเอลตกอยู่ในอันตราย แต่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู ยืนยันว่า จะไม่มีการปล่อยตัวฆาตกรแลกกับตัวประกัน
...
แต่สงครามยังไม่จบลง
การปล่อยตัวประกัน, การหยุดต่อสู้ และการขนส่งความช่วยเหลือเข้าสู่กาซาอีกครั้ง ล้วนเป็นพัฒนาการที่น่ายินดีในสงครามครั้งนี้ โดยเฉพาะเรื่องความช่วยเหลือ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุความรุนแรง
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การหยุดยิงจะช่วยลดแรงกดดันที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญ รัฐบาลอิสราเอลต้องรับมือกระแสความไม่พอใจของประชาชนที่ต้องการให้พวกเขาทำมากกว่านี้เพื่อช่วยเหลือตัวประกัน ขณะที่ฝ่ายฮามาส ก็ถูกนานาชาติประณามที่จับเด็กและผู้หญิงเป็นตัวประกัน
ทั้งสองฝ่ายยังไม่ปิดบังเลยว่า เมื่อการพักรบสิ้นสุดลงแล้ว พวกเขาจะหยิบอาวุธขึ้นมารบพุ่งใส่กันอีกครั้ง นายเนทันยาฮู กล่าวในวันพุธว่า การใช้ความพยายามทางการทูตและทางทหารร่วมกัน จะทำให้สามารถปลดปล่อยตัวประกันเพิ่มเติมได้ในขั้นต่อไปของสงคราม
และระหว่างหยุดพัก กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ก็จะเตรียมความพร้อมเพื่อทำสงครามกับกลุ่มฮามาสต่อ “สงครามยังดำเนินอยู่ และจะดำเนินต่อไปจนกว่าเราจะบรรลุเป้าหมายทั้งหมด”
ขณะที่ฝ่ายฮามาสระบุในแถลงการณ์ของพวกเขาว่า ข้อตกลงนี้มีจุดประสงค์เพื่อรับใช้ประชาชน และเสริมสร้างความแน่วแน่ในการเผชิญกับการรุกราน พร้อมเตือนว่า “นิ้วมือของเรายังอยู่ในโกร่งไกปืน และนักรบผู้กล้าของเรายังคงเฝ้าระวัง เพื่อปกป้องประชาชนและเอาชนะผู้รุกราน”
ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี
ที่มา cnn , bbc , cna