ชาวมุสลิมโรฮีนจาเกือบ 1,000 คน ล่องเรือไปขอพักอาศัยในอำเภอบีเรอเอิน ในจังหวัดอาเจะห์ หลังออกจากค่ายพักพิงในบังกลาเทศที่แน่นขนัด และโดนชาวบ้านปฏิเสธขึ้นฝั่งในหลายเมืองของอินโดฯ

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2566 สำนักข่าวเอพี รายงานว่า มีชาวมุสลิมโรฮีนจาเกือบ 1,000 คน ทยอยล่องเรือมาถึงชายฝั่งอำเภอบีเรอเอิน ในจังหวัดอาเจะห์ ทางตอนเหนือของอินโดนีเซีย ในช่วง 6 วันที่ผ่านมา ในจำนวนนี้รวมไปถึงผู้หญิงและเด็ก 5 กลุ่มที่ลอยเรืออยู่ในทะเลเพื่อรอขออนุญาตขึ้นฝั่งอยู่นานหลายวัน

นายไฟซาล เราะห์มาน เจ้าหน้าที่ประสานงานองค์การผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีกลุ่มชาวโรฮีนจากว่า 240 คน นั่งเรือไปถึงอำเภออาเจะห์เหนือ แต่ถูกชาวบ้านผลักดันออกไปและปฏิเสธไม่ให้ขึ้นฝั่ง ทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของอินโดนีเซีย จนกระทั่งผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้ลอยเรือต่อไปขึ้นฝั่งที่อำเภอบีเรอเอิน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 

นายเราะห์มาน กล่าวแสดงความขอบคุณทางการอำเภอบีเรอเอิน และชาวบ้านที่นั่น ในความมีมนุษยธรรม เนื่องจากคนกลุ่มนี้ประสบความยากลำบากในการเดินทางทางเรือ เพื่อหนีภัยความรุนแรง ในประเทศเมียนมา

...

รายงานข่าวระบุว่า ผู้ลี้ภัยโรฮีนจากลุ่มนี้ส่วนใหญ่มาจากบังกลาเทศ ที่ซึ่งแบกรับผู้ลี้ภัยที่หนีความรุนแรงจากการสู้รบในเมียนมากว่า 700,000 คน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2560 โดยขณะนี้ค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศประสบภาวะแน่นขนัด ทำให้ผู้ลี้ภัยบางส่วนต้องหนีออกมาหาที่อาศัยอยู่แห่งใหม่อีกครั้ง

ในขณะที่การสู้รบในรัฐยะไข่ของเมียนมายังดำเนินไป กองกำลังความมั่นคงของเมียนมาถูกกล่าวหาว่าข่มขืนหมู่ สังหาร และเผาบ้านเรือนของชาวโรฮีนจาหลายพันหลัง ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่พยายามที่จะไปถึงมาเลเซีย แต่หลายคนก็ลงเอยที่อินโดนีเซีย.