ประธานาธิบดีเมียนมาเตือนว่าประเทศเสี่ยงต่อการแตกเป็นเสี่ยงๆ หากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมการสู้รบที่เกิดขึ้นในรัฐฉานได้

รัฐบาลเผด็จการทหารเมียนมากำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ยึดอำนาจในการรัฐประหารปี 2564 หลังเกิดการปะทะของกลุ่มสนับสนุนประชาธิปไตยและกลุ่มชาติพันธุ์ในฐานทัพทหารทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ และตะวันออกเฉียงใต้

ประธานาธิบดีมินต์ ส่วย ของเมียนมา กล่าวในการประชุมสภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติ ว่า "หากรัฐบาลไม่จัดการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนอย่างมีประสิทธิภาพ ประเทศก็จะแตกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ" เขากล่าวโดยอ้างถึงกองทัพว่า "จำเป็นต้องควบคุมปัญหานี้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของรัฐ ประชาชนทั้งหมดจำเป็นต้องสนับสนุนกองทัพเมียนมา"

กองทัพเมียนมายืนกรานมานานหลายทศวรรษว่า เป็นสถาบันเดียวที่สามารถรวมประเทศที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ไว้เข้าด้วยกัน โดยใช้ข้อโต้แย้งดังกล่าวเพื่อพิสูจน์เหตุผลในการยึดอำนาจ และทำลายฝ่ายต่อต้าน เมียนมาตกอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายนับตั้งแต่การรัฐประหารปี 2564 เมื่อผู้นำทหารขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งนำโดย นางอองซาน ซูจี ส่งผลให้การปฏิรูปเบื้องต้นที่ยืดเยื้อมานาน 10 ปี ยุติลง 

เมื่อไม่กี่วันมานี้รัฐบาลเผด็จการทหารได้สูญเสียการควบคุมเมืองการค้าบางแห่งบริเวณชายแดนติดกับจีนให้กับกลุ่มติดอาวุธ นอกจากนี้ยังมีรายงานเกี่ยวกับการปะทะกันในอีกหลายจุดระหว่างกองทัพ และฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ด้านจีนมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมากในเมียนมา กล่าวยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตในจีน จากการยิงต่อสู้ในเมียนมาที่ทะลักเข้าสู่ชายแดนฝั่งจีน เมื่อวันพฤหัสบดี กระทรวงการต่างประเทศของจีน เรียกร้องให้พลเมืองของตนอยู่ห่างจากพื้นที่ที่มีความขัดแย้งรุนแรง และหลีกเลี่ยงการเดินทางไปเมียนมา

...

กระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุในแถลงการณ์ว่า "พลเมืองจีนที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งมีความขัดแย้งรุนแรง ควรให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับความคืบหน้าของสถานการณ์  และอพยพไปที่ปลอดภัย หรือเดินทางกลับจีน"

นายหนง หรง ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กล่าวเรียกร้องในระหว่างการเยือนเมียนมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ให้ร่วมมือกับจีนเพื่อรักษาเสถียรภาพชายแดน เขายังร้องขอมาตรการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของจีน.