นายกฯสั่ง รมว.แรงงานดูเงินชดเชย-ค่าตั๋วแรงงานไทยกลับจากอิสราเอลให้เร็วที่สุด “ปานปรีย์” ชี้ภาพตัวประกันเบลอไม่มั่นใจใช่คนไทยหรือไม่ ยันไม่ได้ถูกพันธนาการ สีหน้าสดใส เผยประสานอียิปต์ไว้รับตัวประกันไทยแล้ว โอ่ผลงานเจรจาผู้นำ 3 ชาติอาหรับ ส่งร่างแรงงานเหยื่อสงครามอีก 7 รายกลับไทย 9 พ.ย. อิสราเอลอาจพักรบชั่วคราว เปิดทางความช่วยเหลือเข้าสู่ฉนวนกาซา และเปิดทางให้ตัวประกันอพยพออกจากฉนวนกาซา แต่หากฮามาสไม่ปล่อยตัวประกันก็จะไม่หยุดยิง ขณะที่อิสราเอลยังทิ้งบอมบ์ใส่กลุ่มฮามาสทั้งที่ค่ายลี้ภัยและที่โรงพยาบาลที่กลุ่มฮามาสใช้เป็นฐานที่มั่นหลบภัย ศพแรงงานไทยในอิสราเอลที่ตกเป็นเหยื่อสงคราม ถูกส่งกลับไทยอีก 7 ร่าง ในวันที่ 9 พ.ย.ขณะที่แรงงานไทยที่ยังเหลือในพื้นที่อีกนับหมื่นคน ขอทำงานต่อไม่เดินทางกลับภูมิลำเนา ยังอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเช้าวันที่ 7 พ.ย. นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการช่วยเหลือแรงงานไทย อิสราเอลว่า ล่าสุดมีผู้เสียชีวิต 34 คน บาดเจ็บ 18 คน ถูกควบคุมตัว 24 คน ขณะนี้กำลังรอฟังข่าวดี แต่ยอมรับว่าในประเทศอิสราเอลมีการปฏิบัติการค่อนข้างหนักในฉนวนกาซา สำหรับตัวเลขแรงงานไทยในอิสราเอล จากที่ได้รับรายงาน เดิมมีประมาณ 30,000 คน กลับมาแล้วประมาณ 8,000 คน ยังอยู่ที่อิสราเอลอีกเป็นหมื่นคน แต่อยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย

...

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเพิ่มเที่ยวบินไปรับแรงงานไทยที่จะกลับใจเดินทางกลับไทยหรือไม่ นายปานปรีย์กล่าวว่า ตอนนี้แรงงานไทยในอิสราเอลไม่อยากกลับแล้ว ศูนย์ที่รองรับผู้อพยพแรงงานไทยที่สถานทูตไทยประจำอิสราเอลจัดตั้งขึ้นได้ยุบไปแล้ว แต่ยังมีศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อรองรับคนไทยที่เปลี่ยนใจจะกลับ จากข้อมูลที่ตนได้เดินทางไปประเทศกาตาร์และอียิปต์ได้รับข้อมูลจากผู้นำระดับนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ทราบว่า ตัวประกันยังอยู่ในเขตฉนวนกาซา เพียงแต่คนที่จับตัวไปมีกลุ่มอื่นประมาณ 2-3 กลุ่ม ไม่ใช่กลุ่มฮามาสเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ตัวประกันน่าจะแยกกันอยู่ หากปล่อยตัวประกัน คิดว่าจะปล่อยในช่องทางที่ปลอดภัย เช่น ชายแดนประเทศอียิปต์ กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานงานกับอียิปต์ไว้แล้ว ให้เจ้าหน้าที่ไทยสามารถไปรับตัวแรงงานไทย ในอิสราเอลที่ถูกปล่อยตัวในช่องทางนั้นได้

เมื่อถามว่าข่าวดีเรื่องตัวประกัน พอจะระบุ รายละเอียดได้หรือไม่ นายปานปรีย์กล่าวว่า จากที่เดินทางไปเยือนประเทศต่างๆได้รับข้อมูล มีการพูดคุยกันว่า คนไทยจะได้รับการปล่อยตัวเป็นกลุ่มแรก เมื่อถามย้ำว่าได้เห็นภาพคนไทยที่ถูกควบคุมตัวเป็นอย่างไรบ้าง นายปานปรีย์กล่าวว่า ได้เห็นมาระยะหนึ่งแล้วแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นคนไทยหรือไม่ เนื่องจากภาพไม่ชัด ภาพเบลอ เข้าใจว่ามีคนหลายสัญชาติที่ถูกจับไป ผู้ถูกควบคุมตัวมีสีผมสีดำเหมือนคนไทย ไม่แน่ใจว่าเป็นคนไทยหรือเป็นคนชาติอื่นเป็นภาพถ่ายที่นั่งขัดสมาธิ ไม่ได้ดูรายละเอียดว่าบาดเจ็บหรือไม่ มีสีหน้าที่สดใสอยู่ภายในห้อง ไม่แน่ใจว่าเป็นห้องบนดินหรือห้องใต้ดิน ไม่ได้ถูกพันธนาการ ส่วนจะเป็นภาพเดิมที่เคยออกสื่อหรือไม่นั้นไม่ทราบ เพราะไม่เห็นว่าภาพที่ออกสื่อเป็นอย่างไร

นายปานปรีย์ยังกล่าวถึงการช่วยเหลือจากทางมาเลเซียช่วยเจรจาปล่อยตัวคนไทยว่า ต่างมีเครือข่ายช่วยกัน ไม่ได้เกี่ยงว่าใครเป็นคนเจรจา ถ้าเจรจาแล้วสำเร็จก็ยินดี ส่วนกลุ่มของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ไปช่วยเจรจาเป็นเรื่องดีที่ช่วยอีกทางหนึ่ง ตนไปพบผู้นำประเทศที่มีความใกล้ชิดกับทางฮามาส ต่างคนต่างช่วย ต่างทำความเข้าใจว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นศัตรูกับกลุ่มฮามาส คนไทยกำลังรอการปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับตัวไป ขณะนี้เรานำคนไทยกลับมาได้มากถึง 35 เที่ยวบิน ราว 8 พันคน ถือว่าเยอะมาก เข้าใจว่าคนที่กลับมามีความสุขดี ส่วนคนที่อยู่ก็เต็มใจอยู่ เมื่อถามว่าเท่าที่ไปพูดคุยกับผู้นำชาติต่างๆ มีแนวโน้มหรือไม่ว่ากลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวประกันไทย นายปานปรีย์กล่าวว่า เราขอให้เขาปล่อยคนของเรา แต่ไม่แน่ใจว่าประเทศอื่นได้ไปพบผู้นำของ 3 ชาติได้แก่ กาตาร์ อิหร่าน อียิปต์ แบบที่ตนไปพบหรือไม่ ตนยังได้หารือกับผู้นำประเทศอื่นๆด้วย ไม่ใช่แค่ 3 ประเทศนี้

ต่อมาเวลา 10.51 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้าการจ่ายเงินชดเชยแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศอิสราเอลว่า เรื่องการชดเชยค่าแรงแรงงานไทยที่กลับจากอิสราเอล หรือการเบิกค่าเครื่องบินมีเสียงบ่นมา ได้สั่งการ รมว.แรงงานให้ไปกำกับดูแลให้ดี ให้แน่ใจว่าคนที่ควรจะได้ต้องได้ในระยะเวลาที่รวดเร็ว ไม่อยากให้มีปัญหาเกิดขึ้น มีการไปพูดที่อิสราเอลว่ากลับมาแล้วไม่ได้เงิน เดี๋ยวจะไม่ยอมกลับมาอีก ตรงนี้รับไปแก้ไข

สำหรับการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลเดินทางกลับไทย หลังจากเที่ยวบินสุดท้ายนำแรงงานไทย 85 คน กลับมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 4 พ.ย. ผ่านมา 3 วันยังไม่มียอดแจ้งของแรงงานไทยเดินทางกลับมาเพิ่มเติม ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานและติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลของกระทรวงแรงงาน แจ้งยอดยอดกลับล่าสุดยังอยู่ที่ 8,815 คน ยังคงมีแรงงานไทยในอิสราเอล 21,051 คน ถูกจับเป็นตัวประกัน 24 ราย บาดเจ็บ 18 ราย เสียชีวิต 34 ราย นำร่างกลับไทยแล้ว 26 ราย ยังเหลือผู้เสียชีวิตอีก 8 รายที่ยังไม่ได้นำกลับจากอิสราเอล

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงแรงงานได้รับแจ้งจากสถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ อิสราเอล ถึงการนำร่างของแรงงานไทยที่เสียชีวิตในอิสราเอลกลับประเทศไทยอีก 7 ราย จะถูกส่งมาด้วยสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ เที่ยวบิน Ly 081 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 12.15 น. วันที่ 9 พ.ย. ประกอบด้วย 1.นายเศรษฐา โฮมสร จ.นครพนม 2.นายดัว แซ่ย่าง จ.เชียงราย 3.นายไกรสร อรัญถิตย์ จ.อุดรธานี 4.นายเกียรติศักดิ์ พาที จ.อุดรธานี 5.นายธวัชชัย แซ่ท้าว จ.น่าน 6.นายศรายุทธ ปั้นกิจวานิชเจริญ จ.น่าน 7.นายปพนธนัย โป่งเครือ จ.ลำปาง

ด้านสำนักข่าวเอบีซีนิวส์ รายงานบทสัมภาษณ์ในประเด็นการสู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสของนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ว่า อิสราเอลอาจพิจารณาพักรบชั่วคราวเพื่อเปิดทางขอความช่วยเหลือเข้าสู่ฉนวนกาซา รวมทั้งเปิดทางให้ตัวประกันสามารถเดินทาง ออกจากฉนวนกาซาได้ นายเนทันยาฮูยังย้ำว่า ถ้ากลุ่มฮามาสไม่ปล่อยตัวประกันที่ถูกลักพาตัวในฉนวนกาซาจะไม่มีการหยุดยิง เพราะการโจมตีกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา คือหนทางเดียวที่อิสราเอลจะกดดันกลุ่มฮามาสได้ ดังนั้น หากมีการหยุดยิงจะทำให้การพาตัวประกันกลับบ้านเป็นไปได้ยาก กรณีที่การสู้รบระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายจบลง อิสราเอลจะรับผิดชอบควบคุมฉนวนกาซาอย่างไม่มีกำหนด เพื่อยับยั้งไม่ให้เกิดความขัดแย้งอีก ขณะที่นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงสหรัฐฯ ไม่เผยว่าสนับสนุนแนวคิดนี้ของผู้นำอิสราเอลหรือไม่ ระบุเพียงว่า กลุ่มฮามาสต้องไม่ใช่ฝ่ายควบคุมฉนวนกาซา

...

สำหรับสถานการณ์สู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสยังรุนแรงต่อเนื่อง สำนักข่าวไทม์ส ออฟ อิสราเอล รายงานอ้างแถลงการณ์ของกองทัพอิสราเอล (IDF) ว่า กองทัพเข้าควบคุมด่านหน้าของกองกำลังฮามาส บริเวณใจกลางเมืองกาซาซิตี้ ทางเหนือของฉนวนกาซาแล้ว รวมถึงโจมตีตอบโต้หน่วยปฏิบัติการกลุ่มฮามาสประมาณ 10 คน และโจมตีอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆของกลุ่มฮามาสเช่นกัน ขณะที่สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานอ้างผู้สื่อข่าวในพื้นที่ว่า เมื่อค่ำคืนวันที่ 6 พ.ย. กองทัพอิสราเอลโจมตีทางอากาศทั่วทั้งฉนวนกาซาต่อเนื่อง อาทิ บริเวณใกล้โรงพยาบาลอัล-ชีฟา โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซาที่กองทัพอิสราเอลเชื่อว่ากลุ่มฮามาสใช้เป็นฐานที่มั่นหลบซ่อนอยู่ใต้โรงพยาบาล อิสราเอลยังทิ้งระเบิดในเมืองข่านยูนิสและเมืองราฟาห์ทางใต้ของฉนวนกาซา กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีดังกล่าวในเมืองข่านยูนิสและเมืองราฟาห์รวมอย่างน้อย 23 ศพ นอกจากนี้ อิสราเอลยังโจมตีบริเวณค่ายผู้ลี้ภัยทุลคาร์ม ในเขตเวสต์แบงก์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 ศพ

วันเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศอินโดนีเซียแถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาของอิสราเอลว่า โรงพยาบาลอินโดนีเซียในฉนวนกาซา ที่สร้างขึ้นโดยชาวอินโดนีเซีย มีจุดประสงค์เพื่อให้การรักษาพยาบาลแก่ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา หลังกองทัพอิสราเอลเผยหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอบ่งชี้ว่า กลุ่มฮามาสใช้สถานพยาบาลในฉนวนกาซาเป็นฐานที่มั่น สร้างอุโมงค์ไว้ใต้โรงพยาบาลในฉนวนกาซาหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือโรงพยาบาลอินโดนีเซีย เนื่องจากวิถีจรวดที่ถูกยิงเข้ามาในอิสราเอล อยู่ใกล้บริเวณโรงพยาบาลดังกล่าว

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่

...