นาทีนี้คงหนีไม่พ้นกระแสร้อนแรงบนโลกออนไลน์กับ “#แบนเที่ยวเกาหลี” ที่เกิดจากการที่มีคนมากมายออกมาเล่าประสบการณ์การถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีใต้ปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศด้วยเหตุผลที่ทำให้ต้องอุทานว่า “อิหยังวะ?!” กับ “มาตรฐานการคัดคนเข้าประเทศ” จนเกิดกระแสแบนการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ในไทย

เมื่อเดือน ต.ค. ผู้เขียนและพี่สาวอีก 2 คน (ต่อไปขอเรียกว่าพี่เอและพี่บี) ได้เดินทางไปเที่ยวที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เราวางแผนและเตรียมตัวอย่างดี เนื่องจากทราบวีรกรรมอันเลื่องลือของ ตม.เกาหลีใต้อยู่บ้าง ผู้เขียนกังวล แทบตลอดเวลาว่า “ฉันจะผ่านไหม?” เพราะมีแค่พี่ 2 คน ที่เคยไปต่างประเทศ กลับกันผู้เขียนไม่เคยออกนอกประเทศสักครั้ง

เราเดินทางถึงเกาหลีใต้เวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อเดินถึงจุดตรวจคนเข้าเมือง ผู้เขียนและพี่บีเดินเข้าแถวตามจุดให้บริการ แต่พี่เอในชุดเสื้อยืดคอวี สวมทับด้วยเสื้อกันหนาวปักลายโลโก้วงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีใต้อย่าง LE SSERAFIM กางเกงวอร์มขายาว และรองเท้าผ้าใบกลับถูกกันไว้ เข้าใจว่าเพราะด้านในแออัด เมื่อถึงตาของผู้เขียนก็มีเรื่องให้ฉงน เพราะ ตม. นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือแทบไม่สนใจตรวจเอกสาร ทำให้ผู้เขียนผ่าน ตม. ได้อย่างง่ายดาย ขณะที่พี่บีเกือบไม่รอด แม้จะเคยมาที่นี่หลายครั้ง เพราะ ตม. เอาแต่มองหน้าสลับกับรูปในพาสปอร์ต ราวกับไม่เชื่อว่าเป็นคนเดียวกัน จากนั้นเราก็ยืนรอพี่เอกันต่อ เพื่อเดินทางไปยังที่พักและออกเที่ยวเสียที

ทว่าการรอคอยช่างยาวนาน เพราะพี่เอ ส่งข้อความถึงผู้เขียนว่า “ถูกส่งเข้าห้องเย็น กำลังรอ ตม.สัมภาษณ์อยู่” ผู้เขียนและพี่บีถึงกับช็อก เรารัวข้อความหาพี่เอเพื่ออัปเดตสถานการณ์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนพี่บีติดต่อไปหาเพื่อนในเกาหลีให้ช่วยยืนยันว่ามาเที่ยวจริงๆ พร้อมเดินเข้าไปหวังเจรจากับ ตม.เพื่อช่วยพี่เอเต็มกำลังแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะ ตม.หลบหน้า ไม่ยอมคุยกับพี่บี ด้านผู้เขียนต้องนั่งเฝ้ากระเป๋าเดินทางจึงทำได้แค่ติดต่อพี่เอกับพี่บีผ่านข้อความเท่านั้น จากคำบอกเล่าของพี่เอระบุว่า ตอนนั้นอยู่ในออฟฟิศโล่งๆ ที่มีเพียงโต๊ะและเก้าอี้ มีนักท่องเที่ยวชาวไทยในไฟลท์เดียวกันนับสิบคน รวมถึงชาวต่างชาตินั่งรออย่างไร้จุดหมาย

...

กว่า 5 ชม. ที่เฝ้ารอคำตอบก็ได้ข้อสรุป ว่า “ไม่ผ่าน ตม.” ด้วยเหตุผลคือ ไม่รู้ชื่อร้านอาหารที่จะไปกิน และสถานที่ที่จะไปพักไม่มีอยู่บนแผนที่ในแอปพลิเคชันเนเวอร์แม็ปของเกาหลีใต้ แม้จะโชว์หลักฐานการจองที่พักผ่านเว็บไซต์อโกด้า แผนที่บนกูเกิลแม็ปซึ่งคนทั่วโลกใช้กันอย่างแพร่หลาย รวมถึงมีคนช่วยยืนยันก็ยังถูกปฏิเสธ งานนี้ทำให้พี่เอต้องบินกลับไทย พร้อมลั่นวาจาว่า “จะไม่มาเหยียบที่นี่อีก” เพราะเสียทั้งเงินและเวลาที่เอากลับคืนไม่ได้ แถมยังได้ความคับแค้นใจกลับไทยไปแทน.

ญาทิตา เอราวรรณ

คลิกอ่านคอลัมน์ "หน้าต่างโลก" เพิ่มเติม