วันเสาร์สบายๆวันนี้ไปคุยเรื่อง “การศึกษา” กันนะครับ แต่ไม่ใช่การศึกษาของไทยที่ล้มเหลวซ้ำซากจากฝีมือนักการเมือง วันนี้คนไทยมีลูกน้อยลงจนกลายเป็นความเสี่ยงของชาติ สาเหตุสำคัญหนึ่งก็มาจากความล้มเหลวเรื่องการศึกษา เนื่องจากการศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลส่วนใหญ่ล้าหลังไม่ทันสมัย ทำให้คนรุ่นใหม่ต้องส่งลูกไปเรียนในโรงเรียนอินเตอร์ ค่าเล่าเรียนระดับอนุบาลก็ตกปีละเป็นล้านบาทแล้ว สร้างภาระและความวิตกให้กับคนรุ่นใหม่จนไม่อยากมีลูก ทำให้เด็กไทยเกิดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งที่ประเทศไทยมีกระทรวงศึกษามากที่สุดในโลกถึง 2 กระทรวง
การศึกษาที่ล้มเหลวต่อเนื่อง กำลังสร้างความเสียหายต่อชาติในระดับมหภาค
วันนี้ผมมีเรื่องการศึกษาของ “สวีเดน” หนึ่งในประเทศนอร์ดิกที่ได้รับการจัดอันดับจากสหประชาชาติว่า “เป็นท็อปเทนประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก” การศึกษาของสวีเดนก็เป็นเลิศไม่เป็นรองใครในโลก เรื่องการศึกษาของสวีเดนที่ผมจะนำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้เป็นเรื่อง “การอ่านเขียน” ที่ กระทรวงศึกษาไทย ไม่ให้ความสนใจและไม่ให้ความสำคัญมานานแล้ว ใจจดใจจ่อจะซื้อ “แท็บเล็ต” มาแจกทั้งครูและนักเรียนอย่างเดียว ด้วยข้ออ้างที่สวยหรูว่า สามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา แต่คุณภาพการศึกษาเป็นอย่างไรก็ช่างมารดามันเถอะ เด็กจะเรียนหรือไม่เรียนก็ไม่รู้ เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษากี่แสนกี่ล้านคนก็ไม่รู้ ทำให้คนจนประเทศไทยเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งที่ทุ่มเงินให้กระทรวงศึกษามากที่สุด
วันนี้เรามี “ตำรวจ” ซึ่งรับราชการปราบผู้ร้ายมาตลอดชีวิต เป็น “รัฐมนตรีศึกษา” ตามโควตาพรรค มีนโยบายสำคัญคือแจกแท็บเล็ต “1 ครู 1 Tablet” และ “1 นักเรียน 1 Tablet”
...
แต่ คุณลอตตา เอ็ดโฮล์ม รัฐมนตรีศึกษาสวีเดนคนใหม่ เพิ่งรับตำแหน่งปีที่แล้วกลับไม่เห็นด้วยกับ สำนักงานเพื่อการศึกษาแห่งชาติสวีเดน ที่บังคับให้ใช้อุปกรณ์ดิจิทัลในโรงเรียนอนุบาล เธอยังมีนโยบายที่จะยกเลิกการเรียนรู้ด้วยระบบดิจิทัลในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ขวบอีกด้วย นโยบายใหม่ของ รัฐมนตรีลอตตา ก็คือ ฟื้นฟูการอ่านหนังสือที่พิมพ์เป็นเล่ม และให้เด็กกลับมาคัดลายมือ แทนที่จะทุ่มเวลาไปกับอุปกรณ์การเรียนการสอนที่อุดมไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อเติมทักษะของเด็กรุ่นใหม่ที่ขาดหายไป
นโยบายฟื้นฟูการอ่านการเขียนของนักเรียน ของ รัฐมนตรีศึกษาสวีเดนคนใหม่ เริ่มใช้ในภาคเรียนใหม่เมื่อเดือนกรกฎาคมนี้ คุณครูต่างก็ให้ความสำคัญกับ การอ่านหนังสือพิมพ์ การอ่านหนังสือเล่ม การฝึกคัดลายมือ เพื่อให้นักเรียนใช้เวลากับแท็บเล็ตน้อยลง
เหตุผลที่ กระทรวงศึกษาสวีเดน นำระบบการเรียนการสอนในรูปแบบดั้งเดิมกลับมาใช้ใหม่ เป็นการขานรับกับสิ่งที่ “นักการเมืองในประเทศที่พัฒนาแล้ว” และ ผู้เชี่ยวชาญการศึกษา ได้ตั้งคำถามว่า แนวทางการศึกษาแบบ “ไฮเปอร์ดิจิทัล” ของประเทศ รวมถึงการใช้ “แท็บเล็ต” ในโรงเรียนอนุบาล จะทำให้ “ทักษะพื้นฐานต่างๆ” ของนักเรียนลดลงหรือหายไปหรือไม่
วันนี้ถ้าเราไปดู ทักษะการเขียนของเด็กไทย มันหายไปอย่างน่าตกใจ วันๆเอาแต่นิ้วจิ้มจอแล้วได้ทุกอย่างที่ต้องการอย่างรวดเร็วทำให้ความอดทนก็ลดลง
สถาบัน Karolinska ของสวีเดน กล่าวในแถลงการณ์เมื่อเดือนกรกฎาคมถึง กลยุทธ์ด้านการศึกษาผ่านระบบดิจิทัลในระดับประเทศ ว่า “มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนว่า อุปกรณ์ดิจิทัลเป็นสิ่งที่บั่นทอนการเรียนรู้ของนักเรียนมากกว่าที่จะส่งเสริม” ทางสถาบันเชื่อว่า “ระบบการศึกษาควรกลับไปสู่การเรียนรู้ผ่านตำราเรียนที่พิมพ์ออกมา” และ “ความชำนาญการของคุณครู” แทนที่จะรับความรู้มาจากแหล่งข้อมูลดิจิทัลที่หาคำตอบได้อย่างเสรี ซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำ
แม้แต่ ยูเนสโก ก็ออกมาเรียกร้องเช่นกัน ขอให้ทุกประเทศ “ใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมในการศึกษา” ไม่ควรนำมาใช้ในลักษณะ ทดแทนการสอนในชั้นเรียนโดยครูอาจารย์
ยิ่งฟังข้อมูลประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็ยิ่งเห็น การศึกษาไทยจมลึกลงเหวขนาดไหน แล้ว อนาคตของเด็กไทย และ อนาคตของชาติไทย จะเป็นอย่างไร แค่คิดก็ว้าเหว่แล้ว.
“ลม เปลี่ยนทิศ”