สถานการณ์ในภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัคที่ยังคงไม่แน่นอน หลังการยึดครองพื้นที่พิพาทโดยอาเซอร์ไบจาน ส่งผลให้ประชาชนเชื้อสายอาร์เมเนียทยอยอพยพออกจากพื้นที่พิพาท เพื่อมุ่งหน้าไปยังประเทศอาร์เมเนีย

กลุ่มชาติพันธุ์ชาวอาร์เมเนียหลายพันคน ทยอยเดินทางออกจากภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัค เมื่อวันจันทร์ โดยเข้าคิวเพื่อเติมน้ำมันส่งผลให้รถติดยาวบนถนนบนภูเขาที่มุ่งหน้าสู่อาร์เมเนีย หลังจากที่กองทัพอาร์เมเนียพ่ายแพ้ต่ออาเซอร์ไบจานในปฏิบัติการทางทหารเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์ชาวอาร์เมเนีย จำนวนกว่า 120,000 คน ที่อาศัยในภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัค กล่าวว่าพวกเขาไม่ต้องการใช้ชีวิตในฐานะส่วนหนึ่งของอาเซอร์ไบจาน และพวกเขาจะออกเดินทางไปยังอาร์เมเนียเพราะพวกเขากลัวการถูกสังหารและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ในเมืองสเตปานาเคิร์ต เมืองหลวงของภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัค ผู้คนจำนวนมากกำลังขนสัมภาระขึ้นรถบัสและรถบรรทุก ขณะที่กำลังออกเดินทางไปยังอาร์เมเนีย

ในขณะเดียวกัน ได้เกิดเหตุระเบิดที่คลังเก็บก๊าซบนถนนสายหนึ่งนอกเมืองสเตปานาเคิร์ต ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 200 ราย รายงานข่าวท้องถิ่นระบุ โดยอ้างคำพูดของนายเกกัม สเตปันยัน ผู้ตรวจการแผ่นดินของนากอร์โน-คาราบัค ผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่อยู่ในอาการสาหัสหรือร้ายแรงมาก และจำเป็นต้องนำออกจากภูมิภาคนี้อย่างเร่งด่วนเพื่อรับการรักษา 

ทูตจากอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน มีกำหนดการเจรจาที่ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรป ในกรุงบรัสเซลส์ในวันอังคารนี้ ซึ่งถือเป็นการเจรจาครั้งแรกนับตั้งแต่การยึดภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัค ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงสันติภาพที่ยั่งยืน ส่วนประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าวในจดหมายที่นางซาแมนธา พาวเวอร์ หัวหน้าหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ส่งถึงนางนิโคล ปาชินเนียน นายกรัฐมนตรีอาร์เมเนีย ว่าสหรัฐฯ จะช่วยตอบสนองความต้องการด้านมนุษยธรรม

...

ตามบันทึกของรัฐบาลอาร์เมเนีย นางปาชินเนียนกล่าวกับนางพาวเวอร์ว่า "คุณตระหนักดีว่ากระบวนการฆ่าล้างชาติพันธุ์ของชาวอาร์เมเนีย ในนากอร์โน-คาราบัค ยังคงดำเนินต่อไป มันกำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ และมันเป็นความจริงที่น่าเศร้า"

อาเซอร์ไบจานซึ่งปฏิเสธเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ กล่าวว่า สิทธิของชาวอาร์เมเนียในคาราบัค ซึ่งเป็นดินแดนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นส่วนหนึ่งของอาเซอร์ไบจานจะได้รับการรับรอง

แต่กลุ่มชาติพันธุ์ชาวอาร์เมเนียหลายพันคนได้อพยพออกไปแล้ว รัฐบาลอาร์เมเนียกล่าวว่ามีผู้คนอย่างน้อย 6,650 คนจากนากอร์โน-คาราบัค ได้ข้ามเข้าสู่อาร์เมเนีย

ผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์อาร์เมเนียกล่าวว่า สิ่งนี้จะยังคงอยู่จนกว่าทุกคนที่ต้องการละทิ้งดินแดนบ้านเกิดจะสามารถออกไปได้ พวกเขาเรียกร้องให้ประชาชนทยอยออกเดินทาง และสัญญาว่าจะให้น้ำมันฟรีแก่ทุกคนที่กำลังจะออกเดินทาง

การอพยพครั้งนี้เป็นผลจากความขัดแย้งครั้งล่าสุดระหว่างอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน บนดินแดนนากอร์โน-คาราบัคเหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา เมื่อกองทัพอาเซอร์ไบจานเปิดปฏิบัติการทางการทหารเข้าโจมตีพื้นที่แห่งนี้ โดยอ้างเหตุผลว่า เพื่อปราบปรามกลุ่มติดอาวุธชาวอาร์เมเนียที่กบดานอยู่ที่นั่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 200 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 400 คน

ทั้งนี้ ภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัค อยู่ภายใต้อิทธิพลของชาวเปอร์เซีย เติร์ก รัสเซีย ออตโตมาน และสหภาพโซเวียตมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ และถูกอ้างสิทธิ์จากทั้งอาเซอร์ไบจานและอาร์เมเนีย หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิรัสเซียในปี 2460 และในสมัยสหภาพโซเวียต พื้นที่นี้ถูกกำหนดให้เป็นเขตปกครองตนเองในอาเซอร์ไบจาน

ตั้งแต่ปี 2531-2537 มีผู้เสียชีวิตประมาณ 30,000 คน และผู้คนมากกว่าหนึ่งล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเชื้อสายอาเซริส ต้องพลัดถิ่น ในเหตุการณ์ปัจจุบันเรียกว่าสงครามคาราบัคครั้งแรก

อาเซอร์ไบจานได้ดินแดนกลับคืนมา ทั้งในและพื้นที่รอบๆ นากอร์โน-คาราบัค ในสงครามครั้งที่สองในปี 2563 ซึ่งจบลงด้วยข้อตกลงสันติภาพที่มีรัสเซียเป็นคนกลาง และการส่งกองกำลังรักษาสันติภาพรัสเซียไปประจำการ.