การเมืองระหว่างประเทศ หน้าฉากดูเหมือนยิ้มแย้ม แต่หลังฉากกลับเต็มไปด้วยความหงุดหงิดรำคาญไม่พอใจ...เหมือนกรณีการพบปะครั้งแรกระหว่างนาย “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนาย “โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี” ประธานาธิบดียูเครน ณ ทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ที่สำนักข่าวการ์เดียนรายงานอ้างหนังสือของนายแฟรงค์ลิน โฟเออร์ ผู้สื่อข่าวเดอะ แอตแลนติก เปิดเผยเบื้องลึกเบื้องหลังที่ซ่อนอยู่

จากสถานการณ์การสู้รบในยูเครนกว่า 1 ปี ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นปึกแผ่นระหว่างยูเครนกับสหรัฐอเมริกาย่อมทำให้เข้าใจได้ว่าผู้นำทั้งสองประเทศเต็มไปด้วยความ “ชื่นมื่น” เดินเคียงบ่าเคียงไหล่ชมนกชมไม้ แต่จากข้อมูลของหนังสือเจาะทำเนียบขาว โจ ไบเดน กลับ ระบุว่าในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองผู้นำไม่ชอบขี้หน้ากัน ตอนพบกันครั้งแรกเมื่อเดือน ก.ย.2564 ซึ่งเป็นเวลา 5 เดือน ก่อนที่สงครามจะอุบัติขึ้น

โดยทางหนึ่งเป็นเพราะผู้นำสหรัฐฯ มีความคาดหวังว่าผู้นำยูเครนจะแสดงความขอบคุณ สหรัฐฯที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลมาตลอด ประกอบ กับนายไบเดนก็ไม่ได้ “ให้ค่า” นายเซเลนสกีเท่าไรนัก มองว่าเป็นเพียงแค่นักแสดงตลกที่ไร้ศิลปะ พร้อมมองว่าตัวเองคลุกคลีกับการเมืองยูเครนมานานกว่านายเซเลนสกี รู้ลึกตื้นหนาบางมาตั้งแต่สมัยเป็นรองประธานาธิบดี สหรัฐฯ สมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา

แต่สิ่งที่เจอกลับเป็นข้อเรียกร้องอันยาวเหยียดจากผู้นำยูเครนว่าต้องการสิ่งใด โดยเฉพาะการเรียกร้องให้สหรัฐฯรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO)
ในการสนทนาครั้งนั้น นายไบเดนได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของนายเซเลนสกี ชี้แจงว่ายังไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอจากชาติสมาชิกนาโต แต่ปรากฏสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือการ “เลกเชอร์” ร่ายยาวจากผู้นำยูเครนในลักษณะตัดพ้อต่อว่า เหมือนกับถูกนายไบเดน ทำให้รู้สึกเสียหน้าในเวทีการเมืองโลก

...

นายเซเลนสกีถึงขั้นอธิบายว่า องค์การนาโตกำลังกลายเป็นวัตถุโบราณทางประวัติศาสตร์ และนับวันอิทธิพลค่อยๆร่อยหรอลงทุกขณะ สักวันหนึ่งคงถึงเวลาที่รัฐบาลฝรั่งเศสและเยอรมนีจะถอนตัวจากนาโตไปในที่สุด โดยนายโฟเออร์เขียนว่า นับเป็นคำพูดวิเคราะห์ที่เลอะเทอะสิ้นดี ย้อนแย้งต่อสิ่งที่ตัวเองกำลังต้องการนั่นคือการเข้าเป็นสมาชิกนาโต ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯก็แอบฉุนเฉียว หลังได้ฟังคำพูดไม่เข้าหูเหล่านี้

ในหนังสือมิได้อธิบายว่า ปัจจุบันความสัมพันธ์หลังฉากของทั้งสองเป็นเช่นไร แต่หากดูจากความกระวนกระวายของผู้นำยูเครน รวมไปถึงข่าวสารต่างๆระยะหลังจากสื่อสหรัฐฯในลักษณะเหมือนว่ากำลัง “นับเวลาถอยหลัง” แล้ว คงพอปะติดปะต่อเรื่องราว ได้ว่า คงไม่ดีขึ้นเท่าไรนัก!?

ตุ๊ ปากเกร็ด

คลิกอ่านคอลัมน์ "หน้าต่างโลก" เพิ่มเติม