กันยายน ค.ศ.2017 ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย และคณะอีก 2 คน ขับรถจากกรุงคีฟเมืองหลวง ไปตามต่างจังหวัดของอูเครน ประเภทค่ำไหนนอนนั่น พักตามเกสต์เฮาส์บ้าง ขอพักตามบ้านผู้คนบ้าง ไปจนถึงเมืองโคซีพ จังหวัดอีวา โน-ฟราน-สคีฟสค์ ไปบนเมืองเทือกเขาคาร์เพเทียน แล้วก็วกกลับมาเมือง ลวีฟ (ลโวฟ) สองข้างทางเจอแผ่นดินที่มีสีดำสนิท คนอูเครนบอกว่าเป็นดินองตนดีที่สุดในโลก โยนอะไรลงไปก็งอก ซึ่งก็น่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะแต่ละแห่งเต็มไปด้วยพืชพรรณธัญญาหารและผลผลิตทางการเกษตรที่สมบูรณ์ ดินอูเครนประกอบด้วยอินทรีย์วัตถุ อนินทรีย์วัตถุ น้ำ และอากาศ ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของปัจจัย 4 ชั้นเลิศของโลก

บางวัน พ่อไปช่วยเจ้าของตลาดสมอด-ยาน-สคีย-ซุเวนีรนืย-เรียน็อกขายของ ทั้งตลาดเต็มไปด้วยผลผลิตทางการเกษตรราคาถูกเมื่อเทียบกับราคาในตลาดโลก และยังได้มีโอกาสให้ไปเยือนโรงงานผลิตวอดก้า โรงงานผลิตน้ำมันพืชจากเมล็ดทานตะวัน ไปอยู่กับชาวไร่ที่ปลูกดอกทานตะวันและบีทรูท

สงครามรัสเซีย-อูเครน ทำให้มีปัญหาการส่งธัญพืชจากอูเครนออกไปขายยังต่างประเทศเพราะรัสเซียปิดล้อมทะเลดำ เมื่อมีเสียงเรียกร้องดังขึ้น ปูตินก็ให้มี  The Initiative on the Safe Transportation of Grain and Foodstuffs from Ukrainian Ports ที่เรียกกันอย่างสั้นว่า The Black Sea Grain Initiative หรือ ‘ข้อริเริ่มการส่งธัญพืชและอาหารผ่านทะเลดำ’ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 22 กรกฎาคม 2022-17 กรกฎาคม 2023 มี 3 ประเทศและ 1 องค์กรไปลงนามกันที่นครอิสตันบูลคือ อูเครน รัสเซีย ตุรกี และสหประชาชาติ

ข้อริเริ่มนี้ฯ ทำให้อูเครนขายธัญพืชและสินค้าเกษตรให้ตลาดโลกได้ เกษตรกรชาวอูเครนก็ยังพอมีสตางค์ใช้จ่าย แต่ทันทีที่ข้อริเริ่มนี้สิ้นสุดลงและรัสเซียไม่ยืดเวลาให้ ก็เกิดเสียงโอดโอยโหยหวนกับคนอูเครนที่กำลังอดอยากปากแห้งทั้ง 47 ล้าน ประเทศที่เคยซื้ออาหารจากอูเครนปีหนึ่งรวมแล้วมากกว่า 45 ล้านตัน ก็พลอยไม่มีอาหารบริโภคไปด้วย

...

ขณะนี้ ข้าวสาลี ข้าวโพด และถั่วเหลือง ในตลาดโลกราคาทะยานขึ้น ประธานาธิบดีปูตินให้เหตุผลว่า แม้ว่ารัสเซียจะช่วยด้วยข้อตกลงธัญพืช แต่ก็ไม่ได้แก้ปัญหาด้านมนุษยธรรมแต่อย่างใด ขณะที่รัสเซียยอมให้ธัญพืชและอาหารของอูเครนผ่านทะเลดำที่ตัวเอง ควบคุมอยู่ แต่ฝ่ายตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯยังมีการจำกัดการส่งออกธัญพืชและปุ๋ยจากรัสเซีย

แม้แต่ 5 ชาติที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรปคือ ฮังการี โปแลนด์ บัลแกเรีย โรมาเนีย และสโลวะเกีย ยังแบนการนำเข้าธัญพืชจากอูเครน ทำให้ประธานาธิบดีเซเลนสกีหัวเสีย ทั้ง 5 ชาติยอมให้ ข้าวสาลี ข้าวโพด และเมล็ดทานตะวันผ่านดินแดนของตนเอง ไปขายยังประเทศอื่น แต่ไม่ยอมให้ขายในประเทศของตน เพราะส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อภาคเกษตร

สหรัฐฯและตะวันตกซึ่งเป็นประเทศลูกพี่ของอูเครน ผู้อยู่เบื้องหลังที่ให้อูเครนรบกับรัสเซียแทนพวกตน ก็ไม่ได้ช่วยเหลือเกษตรกรชาวอูเครนจริงจัง ปล่อยให้เกษตรกรหลายสิบล้านคนอดอยากปากแห้ง รอวันตายหายนะ รัสเซียเองเห็นว่านี่เป็น ‘วิธีเดียว’ ที่จะหยุดความบ้าของเซเลนสกีไม่ให้ทำตัวเป็นตัวแทนของสหรัฐฯและตะวันตก ก็ยืนยันมาตรการนี้อย่างแข็งแรง

ไม่รู้ว่าเป็นการกระทำของอูเครนของจริง หรือตะวันตกสร้างสถานการณ์ ในวันสิ้นสุดข้อตกลงให้อูเครนส่งธัญพืชและอาหารไปขายต่างประเทศผ่านทะเลดำได้ ซึ่งคือวันที่ 17 กรกฎาคม 2023 สะพานเชื่อมไครเมียถูกโจมตี ทำให้มีคนตาย 2 ราย สะพานเสียหาย รัสเซียจึงโจมตีอูเครนคืนที่เมืองท่าโอเดสซา และมิโคลาเยฟ เมืองริมทะเลดำ มีผู้คนบาดเจ็บล้มตาย

แต่ที่จะตายมากมายก่ายกองกว่านั้นก็คือเกษตรกร เขียนถึงตรงนี้แล้วก็สงสารชาวอูเครน ที่มีประธานาธิบดีที่ขาดประสบการณ์ วู่วาม มุทะลุดุดัน ยอมเป็นเครื่องมือของตะวันตกมาทำร้ายคนสลาฟที่เป็นเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมเดียวกันของตน

กรรมตามสนองเซเลนสกีเร็วเหลือเกินครับ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com

คลิกอ่านคอลัมน์ "เปิดฟ้าส่องโลก" เพิ่มเติม