ช่วง 2–3 เดือนนี้ผมมีโอกาสเดินทางไปยังประเทศจีนถึง 2 ครั้ง ได้ไปดูงานในหลายเมืองของจีน

โดยครั้งแรกเมื่อกลางเดือน เม.ย. บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ “บีวายดี” แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้เชิญชวนไปดูอาณาจักรรถยนต์ไฟฟ้าอันยิ่งใหญ่ของบีวายดี ทั้งที่นครเสิ่นเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง และนครฉางซา มณฑลหูหนาน จากนั้นพามายังนครเซี่ยงไฮ้เพื่อชมงานเซี่ยงไฮ้ออโตโชว์ 2023

ต่อมาเมื่อกลางเดือน มิ.ย.นี้ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้สิทธิ์ทำ “ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น” ในไทย ลาว และกัมพูชา ได้ชวนไปนครเซี่ยงไฮ้และนครหนานจิง หรือ “นานกิง” ที่คนไทยคุ้นเคย ในมณฑลเจียงซู

โดยการเดินทางไปแต่ละเมืองได้ใช้บริการของ “รถไฟความเร็วสูง” รวมทั้งเห็นว่าจีนเพิ่งเปิดประเทศ จึงจะขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทางไปยังประเทศจีน

เริ่มต้นด้วยเรื่องการทำวีซ่าเข้าประเทศจีน มีทั้งแบบทำวีซ่าเดี่ยวรายบุคคลและวีซ่ากลุ่ม ถ้าวีซ่ากลุ่มแบบไปกับทัวร์หรือหมู่คณะ ก็ให้บริษัททัวร์ทำให้ ไม่ต้องไปโชว์ตัวที่ไหน โดยให้ไปโชว์ตัวที่ ตม.ในจีนได้เลย

ส่วนการทำวีซ่าเดี่ยวรายบุคคล ต้องไปจองคิวทำวีซ่าทางออนไลน์ ต้องกรอกเอกสารเยอะ จึงแนะว่าใช้บริการบริษัททัวร์ดีกว่า การทำวีซ่าเดี่ยว จะต้องไปโชว์ตัว สแกนนิ้ว ณ ที่ทำวีซ่า คือตึกธนภูมิ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่
ก่อนเข้าจีน ต้องทำคิวอาร์โค้ดเรื่องรับรอง สุขภาพ ฉีดวัคซีนป้อง กันโควิด-19 โดยต้องเก็บรูปคิวอาร์โค้ดไว้บนมือถือ และต้องทำภายใน 24 ชั่วโมงก่อนเข้าจีน (ตอนกลับก็ต้องทำคิวอาร์โค้ดอีกครั้งภายใน 24 ชั่วโมงก่อนกลับ)

เมื่อไปถึงประเทศจีน ไม่ต้องห่วง เพราะจีนมีความยินดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ตม.ที่นั่นพร้อมช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในทุกเรื่องราว

...

สำหรับวีซ่ากลุ่ม ก็เดินเรียงไปตามรายชื่อที่ทำวีซ่า บางเมืองที่เป็นเมืองใหม่เพิ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เจ้าหน้าที่อาจจะงงๆ แต่ไม่ต้องกังวล โดยหลังจากคนแรกได้ประทับตราเข้าประเทศ คนต่อไปก็ไปต่อเลย ไม่เสียเวลา

ส่วนวีซ่าเดี่ยวรายบุคคล ก็ไม่ต้องห่วง เพราะทุกโต๊ะของ ตม. จะมีเครื่องแปลภาษา พอเอาพาสปอร์ตแตะปั๊บก็จะมีเสียงภาษาของเจ้าของพาสปอร์ต จากนั้นก็ทำตามขั้นตอน

เนื่องจากจีนเป็นประเทศสังคมนิยม ยึดถือเรื่องความมั่นคงเป็นอันดับหนึ่ง จึงเอาจริงเอาจังกับเทคโนโลยีสแกนใบหน้าอย่างมาก ไปที่ไหนก็ต้องสแกนใบหน้า เริ่มตั้งแต่ที่ ตม.สนามบิน จากนั้นพอไปโรงแรมที่พักก็ต้องสแกนใบหน้ายืนยันอีกครั้งว่ามาพักที่นี่จริง พอย้ายไปพักต่างเมือง แม้ว่าจะไม่ได้พัก แต่มาเพื่อทำภารกิจบางอย่างที่เมืองนี้ แล้วเดินทางไปอีกเมือง ก็ต้องสแกนใบหน้าบันทึกว่าเรามาเมืองนี้จริง

เรื่องสแกนใบหน้าเป็นเรื่องที่จีนซีเรียสมาก เราต้องเช็กให้แน่ใจว่าโรงแรมที่เราพักได้สแกนใบหน้าจริง ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาตอนจะออกจากประเทศ เพราะที่สนามบินจะไม่ออกตั๋วเครื่องบินขากลับให้ ถ้าเราไม่สแกนใบหน้ายืนยันว่าเราได้มานอนพักโรงแรมในเมืองที่เราเดินทางออก

อย่างที่บอกว่าจีนให้ความสำคัญกับเรื่องความมั่นคงและความปลอดภัย การจะเข้าใช้บริการรถไฟความเร็วสูง หรือขึ้นเครื่องบิน หรือเข้าไปงานต่างๆ จึงต้องมีการสแกนกระเป๋า และสแกนใบหน้า โดยเฉพาะการขึ้นเครื่องบิน ต้องจำไว้เลยว่านอกจากห้ามใส่เพาเวอร์แบงก์ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่จะโหลดใต้ท้องเครื่องบินแล้ว ยังห้ามโหลดแบตเตอรี่กล้องทุกชนิด รวมทั้งบุหรี่ไฟฟ้าอีกด้วย นั่นคือให้แบกขึ้นเครื่องไปกับตัวเราด้วย

ก็เพราะจีนให้ความสำคัญกับเรื่องความมั่นคง จึงขอแนะนำให้ซื้อ “ซิมมือถือ” จากในบ้านเรา ไปใช้งานที่นั่นจะสะดวกกว่า เพราะสามารถเข้าเว็บและแอปไหนๆก็ได้ ไม่มีปัญหา เช่น Google Line หรือ Facebook เป็นต้น

ในส่วนเรื่องการใช้เงินซื้อของในประเทศจีน ค่อนข้างจะมีปัญหา เพราะจีนตอนนี้เป็นสังคมไร้เงินสด ทุกอย่างจ่ายด้วยมือถือ คือใช้สแกนคิวอาร์โค้ด สำหรับเงินสดหรือธนบัตร ร้านค้าต่างๆก็ยังคงรับ แต่เนื่องจากส่วนใหญ่จ่ายด้วยคิวอาร์โค้ด ทำให้หลายร้านไม่มีเงินสดหรือธนบัตรมากนัก จึงไม่สะดวกในการรับธนบัตรที่มีมูลค่าสูง เช่น 100 หยวน เพราะไม่มีเงินทอนให้ จึงควรพกธนบัตรมูลค่าไม่มาก เช่น 10 หรือ 20 หยวน หรือไม่ก็ใช้บัตรเครดิต (แต่หลายร้านก็ไม่รับบัตรเครดิต) และอาจจะลองถามบางธนาคารในบ้านเราที่มีแอปชำระเงินคิวอาร์โค้ดที่ประเทศจีนได้

ส่วนเรื่องความสะอาด ตอนนี้จีนพัฒนาไปมาก ห้องน้ำมีความสะอาดสะอ้านกว่าเมื่อก่อน อย่างห้องน้ำในรถไฟความเร็วสูงนับว่าสะอาดสุดๆ แต่ก็ควรนำทิชชูแห้งและทิชชูเปียกที่มีแอลกอฮอล์ติดตัวไปด้วย เผื่อเหนียว! เพราะห้องน้ำในที่สาธารณะบางแห่งก็ยากจะทำใจเข้าไปใช้บริการ

สำหรับอาหารการกิน รสชาติก็แตกต่างไปตามแต่ละเมือง แต่ละมณฑล แต่สวนใหญ่จะเน้นเค็มและมัน ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพต้องระวังเรื่องความเค็มและไขมัน ต้องระวังกันสักหน่อย!!!

เจริญสุข ลิมป์บรรจงกิจ