รายงานชิ้นใหม่เปิดเผยว่า หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ไม่พบหลักฐานโดยตรงว่าโควิด-19 แพร่กระจายออกมาจากห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่นของจีน

สำนักงานผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (โอดีเอ็นไอ) กล่าวว่า ทั้งแหล่งกำเนิดของเชื้อตามธรรมชาติและจากห้องปฏิบัติการยังคงเป็นข้อสันนิษฐานที่มีความเป็นไปได้ และระบุว่าหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ เห็นพ้องต้องกันว่าไวรัสนี้ไม่มีการดัดแปลงพันธุกรรมหรือมีการดัดแปลงจากห้องปฏิบัติการ

ต้นกำเนิดของโรคโควิด-19 ยังคงเป็นประเด็นมีการถกเถียงกันในสหรัฐฯ ขณะที่ทฤษฎีการรั่วไหลของเชื้อโรคจากห้องปฏิบัติการได้รับการปฏิเสธจากจีนมาโดยตลอด

รายงานของโอดีเอ็นไอ ได้รับการเผยแพร่เมื่อคืนวันศุกร์ หลังจากสภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายในเดือนมี.ค. โดยให้เวลาหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ 90 วันในการแยกแยะข้อมูลที่ทราบเกี่ยวกับสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น (WIV) รายงานความยาว 10 หน้าระบุว่า "สำนักข่าวกรองกลางและหน่วยงานอื่นยังคงไม่สามารถระบุต้นตอที่ชัดเจนของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้ เนื่องจากทั้งสมมติฐาน ทั้งตามธรรมชาติและจากห้องทดลอง อาศัยสมมติฐานที่มีนัยสำคัญ หรือเผชิญกับความท้าทายในการรายงานที่ขัดแย้งกัน" 

ผลการวิจัยระบุว่า หน่วยงาน 4 แห่งเชื่อว่าไวรัสติดต่อจากสัตว์สู่คน แต่หน่วยงานอีกสองแห่ง ได้แก่ กระทรวงพลังงานและเอฟบีไอ ยังคงเชื่อว่าไวรัสรั่วไหลออกมาจากห้องปฏิบัติการ ผลการวิจัยระบุว่า หน่วยงานด้านข่าวกรองหลายแห่งของสหรัฐฯ ยังไม่สามารถแยกแยะความเป็นไปได้ที่ไวรัสจะมาจากห้องทดลอง แต่ยอมรับว่าโควิด-19 ไม่ได้ถูกพัฒนาเป็นอาวุธชีวภาพ โดยกล่าวว่า สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นและกองทัพจีน ได้ร่วมมือกันทำงานเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาเพื่อความต้องการด้านสาธารณสุข แม้ว่าจะไม่เกี่ยวกับการติดเชื้อใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดโควิด-19 ก็ตาม

...

แต่รายงานยังระบุด้วยว่านักวิทยาศาสตร์ของสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ได้ออกแบบ "ไคเมรา" หรือการรวมกันของโคโรนาไวรัส และใช้เทคนิคการโคลนพันธุกรรมแบบย้อนกลับที่สามารถซ่อนการเปลี่ยนแปลงโดยเจตนา ผลการวิจัยกล่าวว่านักวิจัยบางคนอาจไม่ได้ใช้มาตรการป้องกันความปลอดภัยทางชีวภาพอย่างเพียงพอก่อนเกิดโรคระบาด

อย่างไรก็ตาม หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ไม่ได้ทราบถึงเหตุการณ์ความปลอดภัยทางชีวภาพที่เฉพาะเจาะจงที่ห้องปฏิบัติการในอู่ฮั่น ซึ่งทำให้เกิดการระบาดของโควิด-19

นักวิจัยหลายคนของสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ล้มป่วยในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2562 แต่การป่วยของพวกเขาอาจเกิดจากโรคต่างๆ และอาการบางอย่างไม่สอดคล้องกับโควิด-19

จอห์น แรตคลิฟฟ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ ในสมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบโต้รายงานดังกล่าว โดยกล่าวหาว่าฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังคงสร้างความสับสน แรตคลิฟฟ์กล่าวในแถลงการณ์ว่า "การรั่วไหลจากห้องปฏิบัติการเป็นทฤษฎีเดียวที่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ สติปัญญา และสามัญสำนึก" 

ผู้ที่สนับสนุนทฤษฎีการรั่วไหลระบุว่า สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นอยู่ห่างจากตลาดค้าส่งอาหารทะเลอู่ฮั่นหวาหนาน เพียง 40 นาที ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการพบผู้ติดเชื้อโควิดกลุ่มแรก ในช่วงปลายปี 2562

การสอบสวนร่วมกันระหว่างองค์การอนามัยโลกและจีน ในปี 2564 พบว่าทฤษฎีการรั่วไหลของห้องปฏิบัติการนั้น "ไม่น่าเป็นไปได้อย่างยิ่ง" แต่หน่วยงานต่างๆ ให้ความสนใจกับรายงานดังกล่าว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าทำให้เกิดคำถามมากกว่าคำตอบ

ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่า ต้นตอที่แท้จริงของโควิดซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปเกือบเจ็ดล้านคนทั่วโลกอาจไม่มีใครรู้.