• เจ้าหน้าที่โคลอมเบียพบเด็กๆ 4 คนที่หายตัวไปหลังเหตุเครื่องบินเล็กตกในป่าแอมะซอนเมื่อเดือนก่อนแล้ว หลังจากพยายามค้นหามานานกว่า 40 วัน

  • เด็กทั้ง 4 คนซึ่งมีอายุตั้งแต่ไม่ถึง 1 ขวบไปจนถึง 13 ปี รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ แม้จะอยู่ในสภาพขาดอาหาร หลังต้องช่วยเหลือกันและกันภายในป่าดงดิบแห่งนี้มานานกว่า 1 เดือน

  • จนถึงตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าเด็กๆ เอาชีวิตรอดได้อย่างไร แต่ยายของเด็กระบุว่า พวกเขาได้รับการสอนเกี่ยวกับการเอาตัวรอดในป่าตั้งแต่อายุยังน้อยแล้ว

กว่า 40 วันหลังจากเกิดเหตุเครื่องบินเล็กตกที่ป่าแอมะซอน ในประเทศโคลอมเบีย เด็ก 4 คนซึ่งเป็นผู้โดยสาร ถูกพบว่ารอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์อยู่ภายในป่าดงดิบแห่งนี้

เด็กทั้ง 4 คนเป็นพี่น้องกัน มีอายุตั้งแต่ไม่ถึง 1 ขวบไปจนถึง 13 ปี ใช้เวลาหลายสัปดาห์ช่วยเหลือกันและกันเพื่อเอาชีวิตรอดในป่า ซึ่งเป็นที่อยู่ของทั้งเสือจากัวร์ แมวป่า และงูพิษนานาพันธุ์ หลังจากที่แม่ของเขากับผู้ใหญ่คนอื่นๆ เสียชีวิตไปหมดตอนที่เครื่องบินตก

ตอนแรกเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ไม่นึกว่าจะมีผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์นี้ แต่พวกเขากลับพบเบาะแสมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งรอยเท้า, ผลไม้ป่าที่ถูกกัดกินไปบางส่วน จุดประกายความหวังว่า เด็กอาจจะยังมีชีวิตอยู่ และออกจากจุดตกไปเพื่อหาความช่วยเหลือ

เจ้าหน้าที่จึงดำเนินปฏิบัติการค้นหาครั้งใหญ่ และในที่สุดก็พบเด็กๆ ในวันศุกร์ที่ 9 มิ.ย. 2566 แม้พวกเขาจะอยู่ในสภาพอิดโรย แต่ยังมีชีวิตอยู่ครบทุกคน ท่ามกลางความยินดีของคนทั้งประเทศและทั่วโลกที่ได้ยินข่าวนี้

เปิดไทม์ไลน์ 4 เด็กน้อยรอดปาฏิหาริย์ 40 วัน หลังเครื่องบินตกป่าแอมะซอน

...

จุดเริ่มต้น เที่ยวบินมรณะ

ในเช้าวันจันทร์ที่ 1 พ.ค. เครื่องบินเล็ก เซสนา 206 ของสายการบินเช่าเหมาลำ ‘เอเวียนไลน์’ ออกเดินทางจากลานบินของเมือง อาราราคูอารา เพื่อเดินทางเป็นระยะทาง 350 กม. มุ่งหน้าไปยังเมือง ซาน โฮเซ เดล กวาวิเอเร หนึ่งในเมืองใหญ่ภายในเขตป่าแอมะซอนของประเทศโคลอมเบีย

บนเครื่องบินเล็กลำนี้ประกอบไปด้วย นักบิน, ผู้นำชนพื้นเมืองเผ่า ฮุยโตโต กับ นาง แมกดาลีนา มูคูตูอี วาเลนเซีย และลูกทั้ง 4 คนของเธอ ซึ่งมีอายุ 13 ปี, 9 ปี, 4 ปี และ 11 เดือน ที่ออกเดินทางเพื่อหนีการคุกคามของกลุ่มติดอาวุธท้องถิ่น

แต่หลังจากออกเดินทางได้ไม่กี่นาที นักบินรายงานไปยังศูนย์บังคับการบินว่า เครื่องยนต์เกิดความขัดข้อง ก่อนจะหายไปจากจอเรดาร์

เจ้าหน้าที่พบรอยเท้า อันเป็นสัญญาณว่าอาจมีผู้รอดชีวิตในเหตุเครื่องบิน
เจ้าหน้าที่พบรอยเท้า อันเป็นสัญญาณว่าอาจมีผู้รอดชีวิตในเหตุเครื่องบิน

พบจุดตกและสัญญาณชีวิต

ระหว่างวันที่ 15-16 พ.ค. เจ้าหน้าที่ของโคลอมเบียก็พบซากเครื่องบินอยู่ในป่าแอมะซอน บริเวณเขตกาเกตา ทางตอนใต้ของประเทศ โดยเครื่องบินอยู่ในสภาพปักกับพื้นเกือบจะตั้งตรง ส่วนจมูกเครื่องถูกทำลาย เจ้าหน้าที่ยังพบศพของนักบินและผู้ใหญ่อีก 2 คนบนเครื่อง แต่กลับไม่พบร่างของเด็กๆ

ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ออกค้นหาพื้นที่โดยรอบจุดตก ก่อนที่สุนัขดมกลิ่นจะพบขวดนมของทารกไม่ไกลจากซากเครื่องบิน ทำให้กำลังทหารมากกว่า 100 นาย ถูกส่งมาเข้าร่วมปฏิบัติการค้นหา ภายใต้สมมติฐานว่า อาจมีผู้รอดชีวิตอย่างน้อย 1 ราย

จากนั้นชนพื้นเมืองจากหมู่บ้านใกล้เคียง ซึ่งคุ้นเคยกับเส้นทางในป่าแอมะซอนจำนวนหลายสิบคนก็มาเข้าร่วมการค้นหา เจ้าหน้าที่พยายามช่วยเหลือผู้รอดชีวิตที่ตอนนั้นยังไม่แน่ชัดว่ามีอยู่หรือไม่ ด้วยการใช้เครื่องบินโปรยใบปลิววิธีการเอาตัวรอดกว่า 10,000 ใบไปทั่วป่า โดยมีทั้งภาษาสเปนและภาษาประจำชนเผ่าของเด็กๆ

เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพยังใช้เครื่องกระจายเสียง ที่บันทึกเสียงยายของเด็กๆ เอาไว้ เพื่อขอให้พวกเขาอยู่กับที่ไม่เคลื่อนย้ายไปไหน

การค้นหาดำเนินไปหลายวัน เจ้าหน้าที่ยิ่งเริ่มพบหลักฐานการมีชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งรองเท้าและเสื้อผ้าที่ตกอยู่ ผลไม้ป่าที่ถูกกัดกินไปบางส่วนตกอยู่ตามต้นไม้ และในจุดที่ห่างจากจุดตกไปถึง 2.5 กม. ทหารก็พบค่ายที่กลุ่มกองโจรทิ้งเอาไว้

สุนัขดมกลิ่นพบกรรไกรใกล้ที่หลบภัยชั่วคราวฝีมือเด็กๆ
สุนัขดมกลิ่นพบกรรไกรใกล้ที่หลบภัยชั่วคราวฝีมือเด็กๆ

...

ปธน.ประกาศพบผู้รอดชีวิต แต่...

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักกอปรกับป่าหนาทึบ ทำให้ปฏิบัติการค้นหาซึ่งถูกตั้งชื่อว่า ‘Hope’ หรือ ความหวัง เป็นไปอย่างยากลำบาก ผ่านไปแล้ว 3 สัปดาห์หลังจากเครื่องบินตก ทหารพบผ้าอ้อมเด็กและรองเท้าตกอยู่ และอ้างว่า พวกเขาอาจคลาดกันกับเด็กๆ ในระยะไม่ถึง 100 เมตร ทำให้พวกเขาลดขอบเขตการค้นหาลงมาเหลือประมาณ 20 ตร.กม.

ในวันที่ 17 พ.ค. ทหารพบที่พักชั่วคราวประดิษฐ์เองที่สร้างจากกิ่งไม้และท่อนไม้ สุนัขดมกลิ่นยังพบกรรไกรและยางมัดผมอยู่ด้วย

แต่ในวันเดียวกัน จู่ๆ ประธานาธิบดี กุสตาโว เปโตร แห่งโคลอมเบีย ก็ออกมาประกาศว่า เจ้าหน้าที่พบตัวเด็กๆ แล้วในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่ ก่อนที่ในวันต่อมาเขาจะถอนคำพูด และยอมรับว่า สิ่งที่เขาประกาศไปเมื่อวานนั้นเป็นข้อมูลที่ผิดพลาด

การค้นหายังดำเนินต่อไป จนถึงวันที่ 26 พ.ค. ซึ่งเป็นวันเกิดของทารกน้อย เจ้าหน้าที่กองทัพจึงร่วมกันจัดงานวันเกิดอายุครบ 1 ปี เชิงสัญลักษณ์ขึ้น เพื่อเฉลิมฉลองให้แก่เด็กน้อยที่ยังคงหลงอยู่ในป่ามานานเกือบ 1 เดือนแล้ว

เปิดไทม์ไลน์ 4 เด็กน้อยรอดปาฏิหาริย์ 40 วัน หลังเครื่องบินตกป่าแอมะซอน

...

ในที่สุดก็พบตัว

ปฏิบัติการค้นหาที่ล่วงเลยเข้าสู่เดือนมิถุนายน ทำให้หลายคนเริ่มหมดหวังที่จะพบตัวเด็กๆ แต่แล้วในที่สุด ประธานาธิบดีเปโตรก็ประกาศข่าวดีในวันที่ 9 มิ.ย. 2566 ว่าทีมค้นหาพบตัวเด็กทั้ง 4 คนแล้ว พร้อมกับแนบรูปเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นทหารหลายนายกับชนพื้นเมืองอยู่รายล้อมเด็กๆ ที่ดูผอมแห้งและไม่ได้สวมรองเท้า

“พวกเขาโดดเดี่ยว พวกเขาเอาชีวิตรอดมาได้ด้วยตัวเอง นี่เป็นแบบอย่างของการเอาชีวิตรอดขั้นสุดที่จะถูกจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์” ประธานาธิบดีเปโตร กล่าว

ด้านกองทัพโคลอมเบียเผยว่า ทีมกู้ภัยพบเด็กๆ ในจุดที่ห่างจากจุดตกประมาณ 5 กม. โดยเด็กๆ ถูกส่งตัวไปดูแลเบื้องต้นที่เมือง ซาน โฮเซ เดล กัววิเอเร และถูกส่งต่อไปยังกรุงโบโกตาในทันที โดยพวกเขาเดินทางไปถึงสนามบินของกองทัพในช่วงเช้าวันที่ 10 มิ.ย. โดยมีรถพยาบาลรอรับไปส่งโรงพยาบาล

เด็กๆ เอาตัวรอดได้อย่างไร?

จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่า เด็กๆ เอาชีวิตรอดขณะติดอยู่ในป่านั้นได้อย่างไร แต่องค์การชนพื้นเมืองแห่งป่าแอมะซอนโคลอมเบีย เปิดเผยว่า เด็กๆ กลุ่มนี้มีความรู้และความสัมพันธ์กับธรรมชาติแวดล้อมของชีวิต ซึ่งได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา และได้รับการฝึกฝนตอนที่พวกเขาอายุยังน้อย

ขณะที่ นางฟาติมา วาเลนเซีย ยายของเด็กๆ บอกกับสำนักข่าวเอเอฟพี ว่า เด็กคนโตซึ่งเป็นผู้หญิงอายุ 13 ปี เป็นนักรบที่คอยดูแลน้องๆ ตลอดเวลา และคอยแบ่งปันผลไม้ป่าให้ ขณะที่น้องชายวัย 9 ขวบ กับ 4 ขวบ มีทักษะในการเดินป่าสูง

ด้าน นายอีบัน เบลาสเกวซ โกเมซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของโคลอมเบีย ชื่นชมความเป็นผู้นำและความกล้าหาญของพี่สาวคนโต และว่าความรู้เกี่ยวกับป่าของเธอช่วยให้เด็กๆ คนอื่นๆ รอดชีวิตมาได้

...

เปิดไทม์ไลน์ 4 เด็กน้อยรอดปาฏิหาริย์ 40 วัน หลังเครื่องบินตกป่าแอมะซอน



ส่วน ศาสตราจารย์คาร์ลอส เปเรส อาจารย์วิชานิเวศวิทยาป่าเขตร้อน จากมหาวิทยาลัยอีสต์ แองกลิลา ในอังกฤษ ซึ่งทำงานร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์ 8 กลุ่มในโคลอมเบียมาตลอด ให้สัมภาษณ์กับวอชิงตัน โพสต์ ว่า เด็กรอดชีวิตมาได้ เพราะความรู้เกี่ยวกับป่า

“ถ้าเป็นเด็กชายตะวันตกที่อายุเท่ากันละก็ พวกเขาคงตายไปแล้ว” ศ.เปเรส กล่าว และว่า เด็กๆ จากชุมชนพื้นเมืองในป่าแอมะซอนโตเป็นผู้ใหญ่เร็วมาก และเรียนทักษะพื้นฐานการเอาชีวิตรอดในป่าตั้งแต่อายุยังน้อย รวมถึงวิธีหาอาหารและวิธีหลีกเลี่ยงสัตว์นักล่า ในบางชุมชนที่เขาเคยทำงานด้วย เด็กๆ เริ่มหัดปีนต้นไม้ตั้งแต่อายุ 1 ขวบแล้ว

ศ.เปเรส บอกอีกว่า การหาแหล่งน้ำในป่าดิบชื้นแห่งนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะมีทั้งลำธารและคลองมากมาย สมาชิกชนพื้นเมืองยังสามารถสร้างที่พักชั่วคราวได้อย่างรวดเร็ว เหมือนกับที่ทีมกู้ภัยพบเมื่อเดือนก่อน

“สำหรับคนนอก ดินแดนห่างไกลความเจริญอย่างป่าแอมะซอน อาจฟังดูเป็นอันตรายกว่าความเป็นจริง โดยเฉพาะถ้าคุณไม่ได้มาจากที่นั่น” ศ.เปเรส เล่าต่อ “ในด้านของความอันตราย ป่าแอมะซอนมีงูมากกว่า 80 สายพันธุ์ แต่มีแค่ 5 สายพันธุ์เท่านั้นที่มีพิษ และชนพื้นเมืองก็สามารถแยกออกว่างูชนิดใดมีพิษหรือไม่มี”

“สิ่งเดียวที่ผมเสียใจมากกว่าสิ่งอื่นใดก็คือ ความรู้ทั้งหลายที่ช่วยเด็กๆ ในเหตุการณ์นี้เอาไว้ กำลังเลือนหายไปจากป่าแอมะซอนอย่างรวดเร็ว”





ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี

ที่มา : cnawashingtonpost