ควันจากไฟป่ากว่า 400 จุด ในประเทศแคนาดาลอยเข้าปกคลุมหลายเมืองทางตะวันออกของสหรัฐฯ ทำให้ค่ามลพิษทางอากาศพุ่งสูง กระทบชาวอเมริกันกว่า 55 ล้านคน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันพุธที่ 7 มิ.ย. 2566 เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ประกาศเตือนประชาชนในภาคตะวันออกของประเทศให้ระวังสภาพอากาศระดับไม่ดี หรือถึงขั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หลังจากควันไฟป่าจากประเทศแคนาดาลอยเข้ามาปกคลุมจนทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้ม
ข่าวระบุว่าตอนนี้ชาวอเมริกันมากกว่า 55 ล้านคน ในภาคตะวันออก ต้องอยู่ภายใต้ประกาศเตือนภัยคุณภาพอากาศเนื่องจากควันไฟป่า โดยเจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่าควันไฟจะกระทบหนักที่สุดในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ตลอดจนภูมิภาคแอตแลนติกตอนกลาง ลงไปจนถึงรัฐนอร์ท และเซาท์ แคโรไลนา และอาจคงอยู่จนถึงวันพฤหัสบดีเป็นอย่างน้อย
เขตเทศบาลใหญ่หลายแห่งในรัฐเพนซิลเวเนีย, นิวยอร์ก, นิวเจอร์ซีย์ และคอนเนตทิคัต มีดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เกินกว่า 150 จุด หรือ “ไม่ดีต่อสุขภาพ”
ที่เมืองฟิลาเดลเฟียมีค่า AQI พุ่งไปถึง 205 จุดในช่วงเช้าวันพุธ ซึ่งเป็นระดับที่ “ไม่ดีต่อสุขภาพอย่างมาก” จนต้องประกาศเตือนภัยระดับสีแดง เนื่องจากคนชรา, เด็ก และสตรีมีครรภ์ หรือผู้มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจหรือปอด มีโอกาสสูงที่จะได้รับอันตรายร้ายแรงจากควันไฟ ส่วนนครนิวยอร์ก, นครนิวเจอร์ซีย์ และเมืองนิว เฮเวน มีค่า AQI ระหว่าง 155-171 จุด
...
อย่างไรก็ตาม คาดว่าอากาศในนิวยอร์ก, ฟิลาเดลเฟีย และกรุงวอชิงตัน ดีซี จะดีขึ้นเรื่อยๆ ตลอดวันสวนทางกับที่เมืองบอสตัน, พิตส์เบิร์ก และราลี ในรัฐนอร์ท แคลิฟอร์เนีย ที่อากาศจะแย่ลงเรื่อยๆ ในวันพุธ
ขณะเดียวกันที่กรุงออตตาวา เมืองหลวงของประเทศแคนาดา ก็เผชิญกับมลพิษทางอากาศระดับเลวร้ายที่สุด หลังเกิดไฟป่ากว่า 150 จุดทั่วรัฐควิเบกตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้แคนาดามีไฟป่าลุกไหม้อยู่ทั้งหมด 414 จุดทั่วประเทศ โดย 239 จุดในจำนวนนี้อยู่ในระดับเหนือการควบคุม
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2566 รัฐควิเบกเผชิญไฟป่าไปแล้วมากกว่า 400 ครั้ง มากกว่าปกติร่วมเท่าตัว โดยหากนับรวบทั่วประเทศ ในปีนี้พื้นที่ในแคนาดาถูกไฟป่าเผาผลาญไปแล้วไม่น้อยกว่า 9 ล้านเอเคอร์ มากกว่าปกติถึง 15 เท่า
ควันไฟป่าที่ปกคลุมภาคตะวันออกของสหรัฐฯ จะส่อแววกระทบต่อการเดินทางทางอากาศตามเมืองใหญ่ๆ โดยจนถึงช่วงเที่ยงวันพุธ สหรัฐฯ ยกเลิกเที่ยวบินไปแล้ว 74 เที่ยว และมีเที่ยวบินออกเดินทางล่าช้าอีก 1,257 เที่ยวบิน
ที่มา : cnn