สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายการขยายเพดานหนี้ด้วยมติ 314 ต่อ 117 เสียง เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติผ่านร่างกฎหมายการขยายเพดานหนี้ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,000 ล้านล้านบาท ผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 314 ต่อ 117 โดยได้รับเสียงสนับสนุนจากเสียงส่วนใหญ่จากทั้งจากสมาชิกพรรครีพับลิกัน 149 คนและพรรคเดโมแครต 165 คนที่ลงคะแนนให้ร่างกฎหมายนี้

ขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกัน 71 คน และพรรคเดโมแครต 46 คน ลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำหนี้ครั้งใหญ่ของรัฐบาลที่จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อประเทศ และเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ร่างกฎหมายดังกล่าวมีชื่อว่า พ.ร.บ.ความรับผิดชอบทางการคลัง (Fiscal Responsibility Act) ที่จะส่งต่อเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาสหรัฐฯ และหากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบ ก็จะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามเป็นกฎหมายเพื่อให้มีผลบังคับใช้ก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 5 มิถุนายนนี้

กฎหมายนี้จะกำหนดข้อจำกัดการใช้จ่ายของรัฐบาลตลอดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2567 และป้องกันการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังสหรัฐฯ คาดว่าจะเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ หากไม่มีการขยายหรือระงับเพดานหนี้

กฎหมายฉบับนี้จะระงับวงเงินกู้ยืมของรัฐบาลกลางชั่วคราวจนถึงวันที่ 1 มกราคม 2568 โดยจะอนุญาตให้นายไบเดนและสภาคองเกรสแยกประเด็นที่มีความเสี่ยงทางการเมืองออกไปจนถึงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน 2024

นอกจากนี้ยังจะจำกัดการใช้จ่ายของรัฐบาลในช่วง 2 ปีข้างหน้า เร่งกระบวนการอนุญาตสำหรับโครงการพลังงานบางโครงการ เรียกคืนกองทุนโควิดที่ไม่ได้ใช้ และขยายข้อกำหนดการทำงานสำหรับโครงการช่วยเหลือด้านอาหารไปยังผู้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติม

...

ด้านประธานาธิบดีไบเดน กล่าวชื่นชมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากทั้งสองพรรคที่ลงมติผ่านร่างกฎหมาย และเรียกร้องให้วุฒิสภาผ่านร่างนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อที่ตัวเขาเองในฐานะประธานาธิบดีจะได้ลงนามเพื่อออกกฎหมาย

ด้านสำนักงานงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ จะลดลงราว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วง 10 ปีข้างหน้า หากร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสและมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย

ส่วนในวุฒิสภา ผู้นำของทั้งสองฝ่ายกล่าวว่า พวกเขาหวังว่าจะสามารถผ่านกฎหมายได้ก่อนสุดสัปดาห์นี้ แต่ความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นจากการลงมติแก้ไขอาจทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้น

พรรครีพับลิกันกล่าวว่า นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา และนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาอาจจำเป็นต้องอนุญาตให้มีการลงมติในการแก้ไขเพิ่มเติมของพรรครีพับลิกันเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว

ขณะที่การอภิปรายและการลงคะแนนในวุฒิสภาอาจยืดเยื้อไปจนถึงสุดสัปดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากวุฒิสมาชิกคนใดคนหนึ่งใน 100 คนพยายามชะลอการผ่านกฎหมาย

กฎหมายฉบับนี้ ไม่ส่งงผลกระทบต่อนโยบายโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของนายไบเดนและกฎหมายพลังงานสีเขียว และการลดค่าใช้จ่ายและข้อกำหนดในการทำงานนั้นน้อยกว่าที่พรรครีพับลิกันต้องการอย่างมาก

พรรครีพับลิกันแย้งว่า การลดค่าใช้จ่ายจำนวนมากเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อควบคุมการเติบโตของหนี้ของประเทศซึ่งอยู่ที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์โดยประมาณเท่ากับผลผลิตทางเศรษฐกิจต่อปี

การจ่ายดอกเบี้ยสำหรับหนี้สินนั้น คาดว่าจะกินส่วนแบ่งงบประมาณที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากประชากรสูงอายุทำให้ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและการเกษียณอายุสูงขึ้นตามการคาดการณ์ของรัฐบาล ขณะที่การลดการใช้จ่ายส่วนใหญ่จะมาจากการจำกัดการใช้จ่ายในโครงการภายในประเทศ เช่น ที่อยู่อาศัย การศึกษา การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และรูปแบบอื่นๆ ของการใช้จ่ายตาม "ดุลยพินิจ" การใช้จ่ายทางทหารจะได้รับอนุญาตให้เพิ่มขึ้นในอีกสองปีข้างหน้า.