นายมาร์คัส แมคโกวาน ชาวออสเตรเลียวัย 51 ปี หนีเอาชีวิตรอดหลังถูกจระเข้น้ำเค็มโจมตี ขณะดำน้ำตื้นที่รีสอร์ตในรัฐควีนส์แลนด์  เขาได้ให้รายละเอียดว่าเขาสามารถหนีเอาชีวิตรอดมาได้ ด้วยการงัดปากของสัตว์นักล่าที่งับเข้าศีรษะของเขา

เขาถูกนำตัวโดยเฮลิคอปเตอร์ไปยังโรงพยาบาลบนเกาะที่อยู่ใกล้เคียง และต่อมาก็บินไปที่เมืองแคนส์เพื่อรับการรักษาต่อไป

นายแมคโกแวนกล่าวว่า ขณะเกิดเหตุ เขาอยู่ในน้ำกับกลุ่มคน ห่างจากเกาะแฮกเกอร์สโตนประมาณ 28 กม. ก่อนที่จะถูกกัดจากด้านหลัง เขาระบุในแถลงการณ์ว่า "ผมคิดว่ามันเป็นฉลาม แต่เมื่อเอื้อมมือขึ้นไป ผมถึงรู้ว่ามันคือจระเข้ ผมจึงพยายามง้างปากของมันให้กว้างพอที่จะเอาศีรษะออกไปได้"

เขากล่าวว่า จระเข้ซึ่งคาดว่าเป็นลูกจระเข้ ได้ว่ายกลับมาหาเขาอีกครั้ง แต่เขาสามารถผลักมันออกไปได้ และถูกมันกัดเข้าที่มือของเขา

แม้เหตุการโจมตีของจระเข้เป็นเรื่องปกติในออสเตรเลีย แต่ก็เกิดหลายครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ด้านสำนักงานสิ่งแวดล้อมของรัฐควีนส์แลนด์ ระบุว่า จะทำการสอบสวนเหตุการณ์นี้ แต่จระเข้ที่อาศัยในทะเลเปิดนั้นยากที่จะระบุตำแหน่ง เนื่องจากสัตว์เหล่านี้มักเดินทางเป็นระยะทางหลายสิบกิโลเมตรต่อวัน

ทั้งนี้ แฮกเกอร์สโตน ไอส์แลนด์ รีสอร์ต ถูกระบุว่าเป็น "รีสอร์ตหรูหราสุดพิเศษสำหรับครอบครัว" โดยเกาะทั้งเกาะ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองแคนส์ไปทางเหนือประมาณ 600 กม. เปิดให้เช่าในราคา 7,600 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 174,800 บาทต่อคืน

จระเข้อาศัยอยู่ทั่วไปในเขตร้อนทางตอนเหนือของออสเตรเลีย ซึ่งมีรายงานการโจมตีหลายครั้งเมื่อไม่นานมานี้ โดยในเดือนกุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ยิงจระเข้ขนาด 4.2 เมตร ที่โจมตีชายคนหนึ่งและกินสุนัขของเขาที่ท่าเทียบเรือทางเหนือของเมืองแคนส์

...

และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ร่างของนายเควิน ดาร์โมดี ชาวประมงวัย 65 ปี ถูกพบในจระเข้ขนาด 4.1 เมตร ที่แม่น้ำเคนเนดีที่อยู่ใกล้เคียง นับเป็นเหตุโจมตีร้ายแรงครั้งที่ 13 ในควีนส์แลนด์นับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลในปี 2528

ภายใต้โครงการจัดการของรัฐควีนส์แลนด์ "จระเข้ที่สร้างปัญหา" จะถูกนำออกจากพื้นที่ที่อาจคุกคามต่อความปลอดภัยของประชาชน และในบางกรณีอาจถูกการุณยฆาต

นับตั้งแต่การสั่งห้ามการล่าจระเข้ในปี 2517 ประชากรจระเข้ในควีนส์แลนด์ก็เพิ่มจำนวนขึ้น จากที่มีอยู่เพียง 5,000 ตัว เป็นประมาณ 30,000 ตัวในปัจจุบัน