ในช่วงเริ่มแรกของการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกเมื่อ 252 ล้านปีก่อน สิ่งมีชีวิตต่างต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้อยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ยิ่งพวกสัตว์นักล่าก็ต้องเอาตัวรอดอย่างไร้ความปรานีเพื่อให้ได้อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร ล่าสุด ทีมวิจัยนำโดยนักวิทยาศาสตร์จากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติฟิลด์ ในนครชิคาโก สหรัฐอเมริกา ได้ไขปริศนาเกี่ยวกับสัตว์ร้ายที่มีเขี้ยวดาบขนาดเท่าเสือ มีผิวหนังแข็งเหมือนแรด ที่เรียกว่า Inostrancevia อยู่ในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมโบราณที่เรียกว่ากอร์กอนอปเซียน (gorgonopsian) ซึ่งสูญพันธุ์ไปในช่วงการล้มหายตายจากครั้งใหญ่ของสิ่งมีชีวิตบนโลก ช่วงปลายยุคเพอร์เมียน (Permian)

ทีมพบว่า Inostrancevia เคยปกครองระบบนิเวศทางตอนใต้ของโลกเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนจะสูญพันธุ์ไป เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากพวกมันอพยพข้ามมหาทวีปแพนเจีย (Pangea) โดยเดินทางออกจากรัสเซียมุ่งหน้าไปยังแอฟริกาใต้ในปัจจุบัน คิดเป็นระยะทาง 11,300 กิโลเมตร ที่ยืนยันเช่นนั้นก็เพราะพบหลักฐานคือ 2 ซากกะโหลกขนาดมหึมา และอีก 1 โครงกระดูกตรงลุ่มน้ำการู ในแอฟริกาใต้เมื่อปี 2553 และ 2554 แบบคาดไม่ถึง เพราะจากหลักฐานที่พบก่อนหน้า นักวิจัยคิดว่าเจ้าสัตว์ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดในมหาทวีปลอเรเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่ทางตอนเหนือของมหาทวีปแพนเจีย ปัจจุบันครอบคลุมอเมริกาเหนือ กรีนแลนด์ ยุโรป และเอเชียเหนือ

...

ไม่ชัดเจนว่า Inostrancevia ข้ามมหาทวีปแพนเจียได้อย่างไรและในช่วงเวลาใด และยังไม่พบหลักฐานว่าพวกมันมีชีวิตรอดในยุคไทรแอสสิก (Triassic) เมื่อ 252 ล้านถึง 201 ล้านปีก่อน แต่เมื่อมันสูญพันธุ์ไปในช่วงสิ้นสุดยุคเพอร์เมียน Inostrancevia ได้ทิ้งช่องว่างบนสุดของห่วงโซ่อาหาร และมีสัตว์นักล่าชนิดอื่นที่เรียกว่า เทอโรเซฟาเลียน (therocephalians) เข้ามาเติมเต็มอย่างรวดเร็วก่อนที่ Inostrancevia จะหายไปอย่างสิ้นเชิง เชื่อกันว่าเทอโรเซฟาเลียนมีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาตอนใต้ และกระจายตัวไปยังรัสเซีย จีน และแอนตาร์กติกา.