นักศึกษาสาวชาวอเมริกันเคราะห์ร้ายถูกฉลามกัดจนเท้าขาด ขณะเดินทางไปพักผ่อนฉลองจบปริญญาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ที่หมู่เกาะเติร์กส์และเคคอส

นักศึกษาสาวชาวอเมริกันวัย 22 ปี ต้องกลายเป็นคนพิการ หลังถูกถลามกัดจนเท้าข้างซ้ายขาด ขณะกำลังดำน้ำตื้นที่หมู่เกาะเติร์กส์และเคคอส ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วโดยกัปตันเรือ แต่เนื่องจากใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบินนานถึง 6 ชั่วโมงกว่าจะส่งต่อจากโรงพยาบาลในพื้นที่ถึงโรงพยาบาลในไมอามี ทำให้แพทย์ไม่สามารถที่จะเย็บต่อเท้าให้เธอได้ทันเวลา

มีรายงานว่าเหยื่อสาวจากคอนเนคติกัตรายนี้ เดินทางไปท่องเที่ยวเพื่อฉลองจบปริญญาจากมหาวิทยาลัยเยล พร้อมกับเพื่อนของเธอที่หมู่เกาะดังกล่าว โดยได้เช่าเรือส่วนตัวเพื่อพาไปดำน้ำรอบๆ เกรซ เบย์ บีช แต่ในขณะที่เธอลงดำน้ำสน็อกเกิล ก็เกิดเหตุไม่คาดคิดนี้ขึ้น โดยคาดว่าฉลามที่ทำร้ายเธอน่าจะเป็นฉลามแนวปะการังแคริบเบียน เคราะห์ดีที่กัปตันเรือมีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเรื่องห้ามเลือด และประสานทางฝั่งในการเตรียมพร้อมช่วยชีวิตเธออย่างรวดเร็ว ทำให้เธอรอดชีวิตมาได้

ด้านคนในพื้นที่ที่อยู่ในเหตุการณ์ระบุว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยในช่วง 14 ปีที่ผ่านมามีเพียงครั้งเดียวที่มีคนถูกฉลามกัด แต่ไม่มีอะไรถูกฉีกขาด โดยในขณะที่เกิดเหตุทะเลค่อนข้างสงบและน้ำใส

ทั้งนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับการถูกฉลามทำร้ายของมหาวิทยาลัยฟลอริดา พบว่า เหตุที่มนุษย์ถูกฉลามทำร้ายเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก โดยเมื่อปีที่แล้วมีเหตุฉลามทำร้ายมนุษย์เพียง 57 ครั้งทั่วโลก ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย โดยการเข้าโจมตีของฉลามมักจะเกิดจากความเข้าใจผิดคิดว่ามนุษย์เป็นเหยื่อของมัน โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่าฉลามเสือเป็นฉลามที่อันตรายที่สุดเป็นอันดับสองรองจากฉลามขาว พร้อมเตือนให้ประชาชนว่ายน้ำใกล้ๆ ฝั่ง และควรมีเพื่อนอยู่ด้วยกันเพื่อช่วยกันระวังหลัง นอกจากนี้ไม่ควรสวมเครื่องประดับที่สะท้อนแสงแวววาว เพราะมันจะยิ่งดึงดูดฉลามได้ง่าย.

...

ที่มา : เดลีเมล์