ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เชื่อว่าความสัมพันธ์กับประเทศจีนจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นในไม่ช้า และย้ำว่ากลุ่ม G7 ต้องการลดความเสี่ยง ไม่ใช่เลิกคบกับจีน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยืนยันในวันอาทิตย์ที่ 21 พ.ค. 2566 ว่า ประเทศกลุ่ม G7 เห็นชอบร่วมกันเรื่องแนวทางการเข้าหาประเทศจีนแบบใหม่ ที่เรียกว่า “ห่วงโซ่อุปทานแบบหลากหลาย” (diversifying supply chains) เพื่อลดการพึ่งพาประเทศเพียงประเทศเดียว และกล่าวเป็นนัยว่า เขาจะคุยกับผู้นำจีนในเร็วๆ นี้

“เราไม่ได้กำลังหาทางแยกตัวจากจีน เรากำลังหาทางลดความเสี่ยง และเพิ่มความหลากหลายในความสัมพันธ์ของเรากับจีน” ไบเดน กล่าวในงานแถลงข่าวหลังประชุมสุดยอดผู้นำ G7 นาน 3 วัน และว่า “ชาติ G7 สามัคคีกันยิ่งกว่าเดิม ในแง่ของการต่อต้านการขู่กรรโชกทางเศรษฐกิจร่วมกัน และตอบโต้วิธีปฏิบัติที่อันตราย ซึ่งอาจทำร้ายแรงงานของเรา”

ทั้งนี้ กลุ่ม G7 เปิดเผยแนวทางการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจกับจีนแบบ “ลดเสี่ยง ไม่ใช่เลิกคบ” (de-risk, not decouple) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งกล่าวหาจีนว่าขู่กรรโชกทางเศรษฐกิจ ทำให้สถานทูตจีนในประเทศญี่ปุ่น ออกมาเรียกร้องให้กลุ่ม G7 หยุดทำให้เกิดการเผชิญหน้าและสร้างความแตกแยก

แต่ถึงแม้ว่าจีนจะมีปฏิกิริยาไม่พอใจ นายไบเดน กลับเชื่อว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่ถดถอยลงไปอีกนับตั้งแต่เหตุการณ์ยิงบอลลูนสอดแนมเมื่อช่วงต้นปี จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นในเร็วๆ นี้

“เราควรเปิดสายด่วน” ไบเดนกล่าวและว่า เขาได้ตกลงกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ระหว่างการประชุมสุดยอด G20 ที่เกาะบาหลี ของอินโดนีเซีย เมื่อปีก่อนว่า จะเปิดช่องทางการสื่อสารเอาไว้ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลัง “เหตุการณ์บอลลูนบ้าๆ นี่ ที่บรรทุกอุปกรณ์สอดแนมขนาดเท่ารถบรรทุก 2 คัน”

...

ในด้านความตึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวัน ไบเดน กล่าวว่า มีความเข้าใจที่ชัดเจนในหมู่ชาติพันธมิตรเกือบทั้งหมดว่า จะมีการตอบสนอง หากจีนกระทำการแต่เพียงฝ่ายเดียวต่อดินแดนปกครองตนเองไต้หวัน “เราจะไม่บอกจีนว่าพวกเขาทำอะไรได้บ้าง” “แต่ในระหว่างนี้เราจะวางไต้หวันอยู่ในสถานที่ที่พวกเขาสามารถป้องกันตัวเองได้”

ไบเดน ย้ำด้วยว่า สหรัฐฯ กับชาติพันธมิตร G7 จะไม่ขายวัตถุดิบที่อาจทำให้จีนสามารถผลิตอาวุธทำลายล้างสูงได้ และยืนยันว่านี่ไม่ใช่พฤติกรรมเป็นศัตรู

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยด้วยว่า เขาไม่ได้กำลังพิจารณาเรื่องการผ่อนคลายข้อจำกัดการขายวัตถุดิบดังกล่าว แต่กำลังอยู่ในการเจรจาว่าจะผ่อนคลายการคว่ำบาตรต่อ พลเอกหลี่ ชางฟุ ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของจีน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาหรือไม่.

ที่มา : reuters