ความรุนแรงถูกยกระดับไปอีกขั้น หลังสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดการโจมตีในเชิงสัญลักษณ์ จุดศูนย์รวมอำนาจของรัสเซีย “พระราชวังเครมลิน” ถูกพุ่งชนด้วยโดรนฆ่าตัวตาย
โดยจุดที่โดรนระเบิดดังตูมเป็นบริเวณโดมบนดาดฟ้า อาคารทำงานของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน บังเกิดความสงสัยไปต่างๆนานาว่า มีเป้าประสงค์อันใด จะลอบสังหารผู้นำหรือไม่ ขณะที่บางสื่อตั้งข้อสังเกตว่า บนยอดโดมมีธงชาติอยู่ โดรนลำดังกล่าวอาจต้องการระเบิดให้ธงชาติหักเพื่อหยามหน้าหรือไม่ เพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงกำหนด 9 พ.ค. วันฉลองชัยชนะเหนือกองทัพนาซีเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่ 2 วันสำคัญของชาวรัสเซีย
แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าเหตุผลจะคืออะไรก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า การโจมตีวังเครมลินอาจทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งตึงเครียดยิ่งขึ้น เนื่องจากมองได้ว่าเป็นการโจมตีทางอากาศต่อเมืองหลวงของชาติมหาอำนาจ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมานับตั้งแต่มหาสงครามเมื่อกว่า 80 ปีก่อน
การโจมตีทางอากาศต่อกรุงมอสโกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นภายในห้วงเวลาของสมรภูมิกรุงมอสโก (Battle of Moscow) ที่กองทัพเยอรมนีกำลังบุกทะลวงสู่เมืองหลวงของรัสเซีย เริ่มครั้งแรกในวันที่ 22 ก.ค.2484 ฝูงบินลุฟต์วาฟเฟอ (กองทัพอากาศเยอรมนี) ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดกว่า 220 ลำ เทระเบิดแบบปูพรม
จากบันทึกของสหภาพโซเวียตระบุว่า ในวันนั้นมีเครื่องบินเยอรมนีถูกยิงตกกว่า 20 ลำ แต่การทิ้งระเบิดส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 130 คน บาดเจ็บสาหัส 241 คน บาดเจ็บเล็กน้อย 421 คน อาคารพังทลาย 37 แห่ง เกิดไฟไหม้ 1,166 จุด รวมถึงสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำรัสเซีย
การทิ้งระเบิดของกองทัพอากาศเยอรมนี ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 5 เดือน ยกโขยงมาทิ้งระเบิดใส่กรุงมอสโกกว่า 90 รอบ ในจำนวนนี้มี 6 ครั้ง ที่ระเบิดตกใส่พระราชวังเครมลิน ขณะที่เครื่องบินรบโซเวียตกว่า 300 ลำ ตัดสินใจใช้วิธี “ทารัน” บินชนเครื่องบินทิ้งระเบิดเยอรมนีไม่ให้ไปถึงเป้าหมาย
...
แม้เหตุการณ์ใช้โดรนโจมตีวังเครมลินที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อนจะไม่ได้สร้างความเสียหายอะไร แต่ปฏิกิริยาที่ตามมาก็สร้างความกังวลแก่หลายฝ่ายว่าจะเป็นเชื้อไฟทำให้สถานการณ์ “ลุกลามบานปลาย” โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน รีบแถลงว่าไม่ได้ทำ ฝ่ายความมั่นคงสหรัฐฯระบุว่า หากยูเครนทำ สหรัฐฯก็ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย
เช่นเดียวกับจีนที่รีบออกมา “เบรกทุกฝ่าย” หลังเริ่มมีคอมเมนต์แรงๆจากฝ่ายรัสเซีย รวมถึงอดีตประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ ที่เปรยว่าอาจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก “กำจัด” ผู้นำยูเครน และการยอมจำนนของยูเครนก็ไม่จำเป็นต้องใช้ลายเซ็นของเจ้าตัวแต่อย่างใด.
ตุ๊ ปากเกร็ด