อดีตนายกฯ ซูดาน เตือน กองทหารสองฝ่ายรบกันเองในประเทศซูดาน เสียชีวิตแล้วกว่าครึ่งพัน จะก่อหายนะเลวร้ายกว่าสงครามกลางเมืองในซีเรีย และลิเบีย

เมื่อ 29 เมษายน 2566 บีบีซี รายงานว่า อดีตนายกรัฐมนตรีอับดัลลา ฮัมด็อก แห่งซูดาน ออกมาเตือนว่า ความขัดแย้งในประเทศซูดานที่กำลังเกิดขึ้น อาจกลายเป็นหายนะที่เลวร้ายกว่าสงครามกลางเมืองในซีเรียและลิเบีย

นายฮัมด็อก อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกคณะทหารนำโดย นายพลฟัตตาห์ อัล บูร์ฮาน ก่อรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2564 ยังกล่าวด้วยว่า การสู้รบระหว่างกองทหารทั้งสองฝ่ายในซูดานอาจกลายเป็นฝันร้ายของโลก หากยังคงดำเนินต่อไป

อดีตนายกรัฐมนตรีอับดัลลา ฮัมด็อก แห่งซูดาน กล่าวที่กรุงไนโรบี เตือนความขัดแย้งในซูดานจะเลวร้ายกว่าสงครามกลางเมืองในซีเรียและลิเบีย
อดีตนายกรัฐมนตรีอับดัลลา ฮัมด็อก แห่งซูดาน กล่าวที่กรุงไนโรบี เตือนความขัดแย้งในซูดานจะเลวร้ายกว่าสงครามกลางเมืองในซีเรียและลิเบีย

...

"ซูดาน เป็นประเทศใหญ่ มีความหลากหลายมาก ผมคิดว่ามันจะกลายเป็นฝันร้ายสำหรับโลก นี่ไม่ใช่สงครามระหว่างกองทัพกับกลุ่มกบฏเล็กๆ แต่มันเป็นการสู้รบระหว่างกองทัพสองกองทัพ ที่ทหารผ่านการฝึกฝนและมีอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างดี" นายฮัมด็อก ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซูดานสองครั้งในช่วงปี 2019-2022 กล่าวในที่ประชุมที่กรุงไนโรบี เมืองหลวงเคนยา โดยอดีตนายกรัฐมนตรีฮัมด็อกยังได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกพยายามเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวให้ผู้บัญชาการทหารทั้งสองคนยอมเจรจาสันติภาพยุติศึก

เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้วที่กองทัพนำโดย นายพลบูร์ฮาน ผู้บัญชาการทหารและผู้นำรัฐบาลทหาร เปิดฉากสู้รบกับ กองกำลังสนับสนุนเคลื่อนที่เร็ว หรือ RSF ภายใต้การนำของ นายพลโมฮาเหม็ด ฮัมดาน ดากาโล ซึ่งไม่ได้สังกัดกองทัพ ทั้งในกรุงคาร์ทูม เมืองหลวง และลุกลามไปยังหลายเมืองทั่วประเทศ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 500 ศพ บาดเจ็บกว่า 4,000 คน และชาวซูดานกว่าแสนคนต้องอพยพหนีภัยสงครามกลางเมืองไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างเป็นประเทศชาด

ถึงแม้ผู้บัญชาการกองทหารทั้งสองฝ่ายตกลงยอมหยุดยิงเป็นเวลา 72 ชั่วโมง เพื่อเปิดทางให้มีการอพยพพลเรือนต่างชาติออกจากซูดานเพื่อความปลอดภัย แต่ทหารของทั้งสองฝ่ายยังคงมีการปะทะสู้รบกัน.