ประวัติศาสตร์สงครามอยู่คู่กับมนุษยชาติมาช้านาน แต่สำหรับโลกยุคใหม่นั้นคงไม่มีอะไรโหดร้ายและน่าเศร้าสลดเท่ากับ “สงครามโลก” ทั้งสองครั้ง เมื่อช่วงต้นศตวรรษที่ 20 อีกแล้ว

เพราะนับเป็นโศกนาฏกรรมที่สร้างบาดแผลไปทุกหย่อมหญ้า ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายบนแผ่นดินเกิด พลเรือนที่เสียชีวิตจากไฟสงคราม หรือทหารหาญที่พลีชีพในสมรภูมิ และทำให้นานาประเทศ มีวันรำลึกและแสดงความไว้อาลัยต่อความสูญเสียแตกต่างกันไป

โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาหรือในวันที่ 25 เม.ย. ถือเป็นวันสำคัญระดับชาติสำหรับ “ออสเตรเลีย” และ “นิวซีแลนด์” เรียกว่าวันทหารผ่านศึกออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ มีชื่อย่อว่า แอนแซค (ANZAC) ซึ่งเดิมทีเริ่มมาจากการรำลึกถึงยุทธการณ์ยกพลขึ้นบกที่คาบสมุทร “แกลลิโปลี” ของจักรวรรดิออตโตมันหรือ “ตุรกี” ในปัจจุบัน ที่ส่งผลให้ทหารของทั้งสองประเทศเสียชีวิตมากกว่า 11,000 นาย

ความสำคัญของวันแอนแซคคือ การรำลึกถึงความสูญเสียที่เกิดจากสงครามและผู้ที่เสียชีวิตในสงคราม พิธีรำลึกจะเริ่มขึ้นในช่วงเช้าตรู่ตั้งแต่ตะวันยังไม่ฉายแสง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับหน่วยรบช่วงยกพลขึ้นบกที่ตุรกีและจะจัดขึ้นตามเมืองต่างๆ รวมถึงสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่มีทหารออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก อย่างสมรภูมิในตุรกีหรือสมรภูมิในฝรั่งเศส

สำหรับประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่จะมีการจัดพิธีรำลึกเป็นประจำทุกปี ณ “ช่องเขาขาด” จังหวัดกาญจนบุรี หรือที่มีอีกชื่อว่าช่องไฟนรก “เฮลไฟร์ พาสส์” (มีที่มาจากแสงไฟจากคบเพลิงไม้ไผ่ซึ่งสะท้อนให้เห็นเงาของแรงงานและเชลยศึกร่างผอมแห้งที่ต้องทำงานตอนกลางคืนเยี่ยงภาพสะท้อนจากนรกภูมิ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายมรณะไทย-พม่า ที่กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นนำเชลยศึกชาติสัมพันธมิตรมาใช้แรงงานก่อสร้างในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

...

มีผู้เสียชีวิตจากการสร้างทางรถไฟสายมรณะมากกว่า 12,600 ราย ในจำนวนนี้เป็นทหารออสเตรเลีย 2,802 นาย โดยมี 1,362 นาย ถูกฝังร่างไว้ที่สุสานสงครามในตัวเมืองกาญจนบุรี และที่ช่องเขาขาดแห่งนี้ ก็มีเชลยศึกกว่า 700 นายต้องเสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า

แม้จะเว้นว่างไปในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่วันที่ 25 เม.ย.ปีนี้ พิธีได้ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติตามเดิม ที่อนุสรณ์ช่องเขาขาด จ.กาญจนบุรี โดยมีตัวแทนจากรัฐบาลออสเตรเลีย สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย สถานเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย สถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย ไปจนถึงหน่วยงานราชการและกองทัพไทยเข้าร่วม เช่นเดียวกับสมาชิกครอบครัวทหารผ่านศึกแอนแซคมากกว่า 600 คน

จากการได้มีโอกาสสนทนากับนาย โจนา ธาน คิงส์ เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ ในฐานะเจ้าภาพงานปีนี้ ท่านทูตให้ความเห็นว่า วันแอนแซคเป็นการร่วมรำลึกถึงผู้ที่อุทิศชีวิตเพื่อให้เราได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข รำลึกถึงการเสียสละ และความสำคัญในการดูแลทหารผ่านศึกและครอบครัวของพวกเขา ส่วนตัวแล้วสมาชิกครอบครัวตระกูลผมทั้งฝั่งผมและฝั่งภรรยาก็มีส่วนร่วมในมหาสงครามในอดีต ซึ่งเป็นสงครามที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอีก

ขณะที่นาย แอนดรูว์ ไจลส์ รัฐมนตรีตรวจคนเข้าเมืองออสเตรเลีย กล่าวว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาในนามตัวแทนรัฐบาลและประชาชนออสเตรเลีย เราซาบซึ้งใจที่รัฐบาลไทยและชาวไทยให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนเป็นอย่างดี ทั้งปัจจุบันและในอดีตที่เชลยศึกออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์อยู่ที่นี่

นอกจากนี้ “พล.อ.ต.ดาร์เร็น โกลดี” แม่ทัพฟ้าออสเตรเลีย ยังให้มุมมองกับไทยรัฐในฐานะทหารอาชีพด้วยว่า ผมเป็นทหารอากาศมากว่า 30 ปี มีความภาคภูมิใจในวันแอนแซคเหมือนกับชาวออสเตรเลียคนอื่นๆ ครอบครัวผมก็ร่วมงานเฉลิมฉลองที่ออสเตรเลีย กองทัพออสเตรเลียสานต่อปฏิบัติการที่น่าภาคภูมิใจมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันและในอนาคต ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงทั่วโลก

วันทหารผ่านศึกแอนแซคสะท้อนให้เราเห็นถึงหน้าที่ ความกล้าหาญ ความเคารพ ความซื่อสัตย์ และความเป็นเลิศ เป็นวันที่ยังสะท้อนถึงค่านิยมที่กองทัพมีร่วมกัน ออสเตรเลียนอกจากจะเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับไทยแล้ว ยังมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างกองทัพ หลังจากนี้ ผมตั้งตารอที่จะได้ฝึกซ้อมร่วมกันระหว่างฝูงบินเอฟเอ-18 ของออสเตรเลีย และฝูงบินเอฟ-16 ของไทยในเดือน ส.ค.นี้ ภายใต้รหัสปฏิบัติการไทย-บูมเมอแรง

เมื่อถามถึงสถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ที่กำลังตึงเครียดเพิ่มขึ้นทุกขณะ จากการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนนั้น พล.อ.ต.โกลดีให้ความเห็นว่า สิ่งที่ออสเตรเลียต้องการคือเสถียรภาพ ส่วนที่มีการพูดถึงภัยคุกคาม ออสเตรเลียไม่ได้มองว่ามีใครหรือประเทศใดเป็นภัยคุกคามแต่อย่างไร

...ท่ามกลางเสียงปี่สก็อตบรรเลงเพลงอะเมซิ่ง เกรซ เสียงเป่าแตรนอนสวดส่งวิญญาณทหารหาญให้หลับใหลได้ทำให้บรรยากาศพิธีไว้อาลัย ณ ช่องเขาขาดในวันนั้นยากที่จะเลือนหายไปจากความทรงจำ พลันนึกถึงคำกลอนศตวรรษที่ 19 ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาร่วมกันเปล่งวาจาในงาน “Lest we forget” หรืออดีตนี้ไม่ควรลืม ขอขอบคุณท่านทูตออสเตรเลีย แอนเจลา แมคโดนัลด์ ที่เชิญทีมเราไปร่วมงานครับ.

...

วีรพจน์ อินทรพันธ์