หลายประเทศได้อพยพนักการทูตและพลเมืองออกจากเมืองหลวงของซูดาน ขณะที่การสู้รบยังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือดในคาร์ทูม โดยสหรัฐฯ และอังกฤษ ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า ได้อพยพนักการทูตออกนอกประเทศแล้ว เช่นเดียวกับฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และสเปน และชาติอื่นๆ ได้เริ่มดำเนินการอพยพแล้วเช่นกัน

ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า ได้ทำการอพยพพลเมืองเกือบ 100 คน ด้วยเฮลิคอปเตอร์ชีนุก 3 ลำ ในเช้าวันอาทิตย์ ด้านสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงคาร์ทูมได้ปิดทำการแล้ว และทวีตในบัญชีอย่างเป็นทางการว่า เนื่องจากสถานการณ์ด้านความปลอดภัยที่ไม่แน่นอนในกรุงคาร์ทูมและการปิดสนามบิน ในขณะนี้จึงไม่ปลอดภัยที่จะดำเนินการอพยพพลเมืองสหรัฐฯ จากประสานงานโดยรัฐบาลสหรัฐฯ

ด้านรัฐบาลสหราชอาณาจักรกล่าวว่า สามารถอพยพนักการทูตชาวอังกฤษและครอบครัวออกนอกประเทศได้ในปฏิบัติการที่มีความซับซ้อนและรวดเร็ว นายเจมส์ เคลฟเวอร์ลี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ทางเลือกในการอพยพชาวอังกฤษที่เหลืออยู่ในซูดานนั้น "ถูกจำกัดอย่างมาก"

ส่วนประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ยืนยันว่า เครื่องบินลำหนึ่งเดินทางมาถึงประเทศจิบูตี พร้อมผู้โดยสารชาวฝรั่งเศสและคนอื่นๆ ในวันอาทิตย์ และชาวดัตช์จำนวนหนึ่งเดินทางออกจากกรุงคาร์ทูมด้วยเครื่องบินของฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์คาดว่าจะอพยพพลเมืองเพิ่มขึ้นอีกโดยเครื่องบินในเย็นวันอาทิตย์

ขณะที่กองทัพเยอรมนีกล่าวว่า เครื่องบินลำแรกจากทั้งหมด 3 ลำ เดินทางออกจากซูดานมุ่งหน้าสู่จอร์แดน พร้อมผู้โดยสาร 101 คน เช่นเดียวกับอิตาลีและสเปน ที่สั่งอพยพพลเมืองแล้วเช่นกัน โดยภารกิจของสเปนรวมถึงการอพยพพลเมืองจากอาร์เจนตินา โคลอมเบีย ไอร์แลนด์ โปรตุเกส โปแลนด์ เม็กซิโก เวเนซุเอลา และซูดาน

...

ด้าน นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา กล่าวว่า รัฐบาลได้อพยพเจ้าหน้าที่ทางการทูตแล้ว นอกจากนั้น ยังมีอีกหลายประเทศที่สามารถอพยพประชาชนได้สำเร็จเมื่อวันเสาร์ ประชาชนมากกว่า 150 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเมืองของประเทศแถบอ่าวอาหรับ เช่นเดียวกับอียิปต์ ปากีสถาน และแคนาดา ถูกอพยพทางทะเลไปยังท่าเรือเมืองเจดดาห์ของซาอุดีอาระเบีย นอกจากนั้น ยังมีการเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากนักศึกษาต่างชาติจำนวนมาก ทั้งจากแอฟริกา เอเชีย และตะวันออกกลาง ที่ติดอยู่ในกรุงคาร์ทูม ที่มีประชากรประมาณ 6 ล้านคน

ในขณะเดียวกันมีรายงานว่า การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในซูดานเกือบล่ม ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการประสานงานช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในกรุงคาร์ทูมและเมืองอื่นๆ อย่างร้ายแรง

การแย่งชิงอำนาจระหว่างสองผู้นำทางทหารของซูดาน ส่งผลให้เกิดการทิ้งระเบิดอย่างหนักในกรุงคาร์ทูม ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนและบาดเจ็บอีกหลายพันคน การกราดยิงและการทิ้งระเบิดในกรุงคาร์ทูมและที่อื่นๆ ที่เกิดขึ้นเกือบตลอดเวลา ยังส่งผลให้ไฟฟ้าดับ และการเข้าถึงอาหารและน้ำที่ปลอดภัยสำหรับประชากรส่วนใหญ่เป็นไปด้วยความยากลำบาก

การหยุดยิงหลายครั้งที่ดูเหมือนทั้งสองฝ่ายจะสามารถตกลงกันได้กลับถูกเพิกเฉย รวมถึงการหยุดยิงชั่วคราว 3 วัน เพื่อเฉลิมฉลองวันอีดิลฟิตรี หรือการฉลองละศีลอดของชาวมุสลิม ซึ่งเริ่มเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ประกาศว่า จะส่งทีมรับมือภัยพิบัติไปยังพื้นที่ดังกล่าวเพื่อช่วยประสานงานด้านมนุษยธรรม สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องอพยพทั้งภายในและภายนอกซูดาน นางซาแมนธา พาวเวอร์ จากองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) กล่าวว่า ในช่วงแรกทีมงานจะประสานงานจากเคนยา และให้ความสำคัญกับการได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เพื่อช่วยชีวิตผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด

องค์การอนามัยโลกระบุว่า การสู้รบคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 400 คน และบาดเจ็บอีกหลายพันคน แต่เชื่อว่ายอดผู้เสียชีวิตจะสูงกว่านี้มาก เนื่องจากผู้คนประสบความยากลำบากในการเดินทาง เพื่อรับการรักษาพยาบาล เนื่องจากโรงพยาบาลส่วนใหญ่ของเมือง จำเป็นต้องปิดเนื่องจากการสู้รบ เช่นเดียวกับพื้นที่เขตดาร์ฟูร์ ทางตะวันตกของซูดาน ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการสู้รบเช่นกัน

สหประชาชาติเตือนว่า ประชาชนมากถึง 20,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ได้หลบหนีออกจากซูดาน เพื่อความปลอดภัยในประเทศชาติ ซึ่งมีพรมแดนติดกับเมืองดาร์ฟูร์.