มีคนถามว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียไปพบนายสี จิ้นผิง ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้อะไรกลับมาบ้าง ขอตอบว่า สิ่งที่เจรจากัน จีนตกลงเพิ่มการนำเข้าทุเรียนพันธุ์มูซานคิงของมาเลเซีย ที่ได้จดสิทธิบัตรทางปัญญาไว้ในประเทศจีนแล้ว ซึ่งทุเรียนพันธุ์นี้มีราคาสูงกว่าประมาณ 2 เท่าของทุเรียนพันธุ์หมอนทองที่ส่งไปจากไทย

บริษัทจีนที่มีชื่อว่า Rongsheng Petrochemical Co. ลงนามสร้างโรงกลั่นน้ำมันในเมืองเปงเงอรัง รัฐยะโฮร์ มูลค่า 8 หมื่นล้านริงกิต หรือประมาณ 6 แสนล้านบาท บริษัท Zhejiang Geely Holding Group ของจีนลงนามลงทุนเริ่มต้นเป็นจำนวน 2 พันล้านริงกิต หรือ 1.6 หมื่นล้านบาท จีนร่วมลงทุนโครงการหุบเขาไฮเทคยานยนต์โปรตอนมาเลเซีย 32 พันล้านริงกิต หรือ 2.5 แสนล้านบาท เอาแค่ 3 บริษัทนี้และการลงทุนอื่นๆ จีนก็นำเม็ดเงินไปลงทุนในมาเลเซียมากถึง 1.7 แสนล้านริงกิต ซึ่งเป็นเงินไทยคือ 1.3 ล้านล้านบาท

20 ปีที่แล้ว มีนายกรัฐมนตรีไทยเสนอเงินสกุลอาเซียนหรือ ASEAN Monetary Unit (AMU) แต่โดนกีดกันจึงต้องล้มเลิกไป นายกฯ อันวาร์เดินทางไปจีนครั้งนี้ แกต้องการจะลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐฯโดยการขอให้รื้อฟื้น Asian Monetary Fund หรือกองทุน AMF ขึ้นมา นายกฯ อันวาร์ ใช้โอกาสไปเยือนครั้งนี้หารือกับนายสีว่า ขอเสนอให้จัดตั้งกองทุน AMF บนเวทีสัมมนาใหญ่จีน-อาเซียน ประจำปีที่เรียกว่า Boao Forum for Asia ที่มณฑลไห่หนาน ซึ่งนายสี เห็นชอบด้วย

เรื่องนี้ก็ตามกระแสโลกครับ หลังจากสงครามรัสเซีย-อูเครนเกิดขึ้น โลกได้เห็นชัดถึงอันตรายของสหรัฐฯที่ใช้ดอลลาร์เข้าไปบริหารจัดการโลกมายาวนานตั้งแต่จบสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ทันทีที่นายสีเห็นชอบ ธนาคารกลางของมาเลเซียก็ลงรายละเอียดขั้นตอนการทำงานทันที คาดว่าจะสำเร็จเรียบร้อยในไตรมาสที่ 4 ของ ค.ศ.2023

...

ก่อนยุคของอันวาร์ มาเลเซียเคยปฏิเสธการพัฒนาของจีนมาหลายครั้ง ซึ่งจีนอาจจะมีความรู้สึกว่ามาเลเซียเกรงใจมหาอำนาจสหรัฐฯหรือเปล่า ถึงยุคของอันวาร์เป็นนายกรัฐมนตรี อันวาร์ก็ดิ่งไปที่เมืองจีน และเจรจาเรื่องการค้าขายด้วยการใช้เงินริงกิตและเงินหยวน การใช้เงินสกุลท้องถิ่นอำนวยความสะดวกและลดความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเงินของภาคเอกชนทั้งฝ่ายมาเลเซียและจีน ความมุ่งหวังตั้งใจของอันวาร์ก็คือ แกต้องการให้มูลค่าการค้าขายระหว่างมาเลเซียกับจีนเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวภายในเวลา 5 ปี

อีกเรื่องหนึ่งซึ่งทราบว่าเป็นการเจรจาระหว่างนายสีกับนายอันวาร์ก็คือ โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางที่มาเลเซียเคยเงียบไปก่อนหน้านี้ รัฐบาลนายอันวาร์ต้องการรื้อฟื้น ซึ่งตอนนี้มีการเชื่อมต่อรถไฟจากหลายประเทศเข้าสู่จีนเรียบร้อยแล้ว ยังมีช่วงที่ขาดก็คือช่วงของประเทศไทย

ดูเหมือนว่าศูนย์กลางของโลกเปลี่ยนจากสหรัฐฯมาเป็นจีน โดยทางพฤตินัยแล้ว หลังจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเดินทางไปเยือนจีน นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ก็เดินทางไปพบนายสี ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน 5 เมษายน 2023 นายมาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส พร้อมกับนางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเดินทางไปเยือนจีน การไปเยือนจีนของนายมาครงทำให้แกโดนโจมตีเยอะ มาครงให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆว่า ยุโรปต้องไม่เป็นทั้งสมุนของสหรัฐฯหรือสมุนของจีน หรือจะต้องติดหล่มอยู่ในสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายใดๆ

หลังจากมาครงเดินทางกลับยุโรป นางอันนาเลนา แบร์บ็อค รัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนีก็เดินทางไปเยือนจีน แล้วก็ไปโผล่ร่วมงานแถลงข่าวร่วมกับนายฉิน กัง รัฐมนตรีต่างประเทศจีนที่กรุงปักกิ่ง เมื่อ 14 เมษายน 2023 มีหลายประโยคที่น่าสนใจของรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ซึ่งผมขอยกมารับใช้ในที่นี้ “จีนประสบความสำเร็จในการไกล่เกลี่ยให้เกิดสันติภาพระหว่างอิหร่านกับซาอุดีอาระเบียได้ เราอยากเห็นจีนกล่อมรัสเซียให้หยุดรุกรานและให้ร่วมกระบวนการคลี่คลายความขัดแย้งด้วยสันติวิธี”

ถนนทุกสายมุ่งเยือนจีน ช่วงนี้ ไบเดนนั่งเหงาๆ ไม่ค่อยมีอะไรทำ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com