จำนวนมหาเศรษฐีพันล้านทั่วโลกลดลงมากกว่า 400 คนในปีที่ผ่านมา เกินครึ่งอยู่ในจีน ท่ามกลางความตึงตัวทางการเงินโลก, โควิด-19 และการปราบบริษัทเทคโนโลยีในจีน

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 มี.ค. 2566 สถาบันวิจัย ‘Hurun’ เผยแพร่รายการมหาเศรษฐีโลกประจำปี 2566 แสดงให้เห็นว่า จำนวนมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินสุทธิตั้งแต่ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นไปลดลงมากถึง 445 คนในปี 2565 ที่ผ่านมา โดย 229 คนในจำนวนนี้หรือมากกว่าครึ่ง อยู่ในประเทศจีน

นายรูเพิร์ด ฮูจเวิร์ฟ ผู้ก่อตั้งและประธานสถาบัน Hurun ระบุว่า ในปี 2565 โลกมีจำนวนมหาเศรษฐีพันล้านลดลง 8% จากปีก่อนหน้านั้นที่มีผู้ติดอันดับถึง 3,381 คน เหลือ 3,112 คน โดยจีนยังเป็นอันดับ 1 ประเทศที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุด ที่ 969 คน โดยมีเศรษฐีหน้าใหม่ติดอันดับ 69 คน ตามด้วยสหรัฐฯ ที่ 691 คน

ผู้ที่อยู่อันดับ 1 ในรายงานมหาเศรษฐีของ Hurun คือนายแบร์นาร์ด อาร์โนลต์ ประธานกรรมการบริหารของบริษัท โมเอต์ เฮนเนสซี่ หลุยส์ วิตตอง (LVMH) ส่วนนายแบร์นาร์ด ปูเอห์ ทายาท แอร์เมส และครอบครัว ติดอันดับที่ 3 ส่วนคนดังที่สุดที่หลุดอันดับไปคือนายแซม แบงก์แมน-ฟรีด ผู้สูญเสียทรัพย์สิน 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์จากการล่มสลายของเหรียญ FTX

ส่วนที่ประเทศจีน มหาเศรษฐีซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอย่าง แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้ง อาลีบาบา กรุ๊ป หล่นจากอันดับ 34 ไปอยู่ที่ 52 โดยเหตุผลส่วนใหญ่มาจากการที่ทางการจีนเดินหน้าปราบปรามภาคเทคโนโลยีในประเทศอย่างหนัก

นายฮูจเวิร์ฟ ระบุว่า การขึ้นภาษีของธนาคารกลางสหรัฐฯ, การประเมินค่าเงินดอลลาร์, การแตกของฟองสบู่เทคโนโลยีเพราะโควิด-19 และผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบความมั่งคั่งของคนรวยทั่วโลก

...

ที่มา : cna