ดัชนีดาวโจนส์ ทรุดลงเกือบ 700 จุดในช่วงปิดตลาดซื้อขาย นับเป็นการปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจถดถอย มาตรการเศรษฐกิจ ผลประกอบการลดลงของหุ้นค้าปลีกรายใหญ่
สำนักข่าว CNN รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2566 ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลง 697 จุด คิดเป็น 2.1% มาปิดตลาดที่ 33,129.59 จุด ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดในนับตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2565 หรือในรอบ 2 เดือน เนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง (Federal Reserve) ตลอดจนมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ภาวะตึงเครียดในตลาดหุ้นวอลสตรีทและสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ทางด้าน ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับลดลง 2% นับเป็นการปรับลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ส่วนดัชนีแนสแด็ก ร่วงลงไปถึง 2.5%
รายงานข่าวระบุว่า บริษัทค้าปลีกรายใหญ่อย่างวอลมาร์ท และโฮมดีโปต์ เผยผลประกอบการไตรมาส 4 ลดลง โดยนายจอห์น ไรนีย์ ซีเอฟโอของวอลมาร์ท เปิดเผยถึงความกังวลใจเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ และผลกระทบเงินเฟ้อที่จะมีต่อผู้บริโภคในสหรัฐฯ โดยบอกว่า บรรดาผู้บริโภคต่างเจอภาวะกดดัน ขณะที่ปัจจัยบ่งชี้ทางเศรษฐกิจต่างๆ ตลอดจนตัวเลขงบดุล และตัวเลขเงินออมที่ลดลงต่อเนื่อง ทำให้วอลมาร์ทต้องปรับประมาณการทิศทางเศรษฐกิจให้สอดคล้องกัน
ขณะที่โฮมดีโปต์หุ้นร่วงกว่า 7% ต่ำสุดในการซื้อขายของดัชนีดาวโจนส์ หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการ ไตรมาสที่ 4 ลดลงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ยังเปิดเผยตัวเลขประมาณการทิศทางเศรษฐกิจต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังถูกอีกหลายปัจจัยกดดัน ไม่ว่าจะเป็นการแข็งค่าของดอลลาร์ ตลอดจนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น และการคาดหมายว่าธนาคารกลางจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อนานกว่าคาดการณ์.
...