• ผลสำรวจพบว่า ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากไม่อยากเดินทางท่องเที่ยว ด้วยเหตุผลหลายอย่าง ซึ่งนับเป็นจำนวนที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมการท่องเที่ยวและจิตวิทยาชาวญี่ปุ่นระบุว่า ผลสำรวจที่ออกมา ไม่ได้น่าประหลาดใจแต่อย่างใด โดยผลสำรวจก่อนช่วงการระบาดของโควิดก็เป็นเช่นนี้
  • เหตุผลส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่ไม่สนใจการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ เพราะพวกเขามองว่าเป็นการเสียเวลา และยังต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่มากเกินจำเป็น

นับเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจไม่น้อยที่ชาวอาทิตย์อุทัย ซึ่งเป็นประเทศหมุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก กลับไม่นิยมการเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างแดนซะแล้ว โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลจากผลสำรวจของ มอร์นิง คอนซัลท์ บริษัทข่าวกรองธุรกิจระดับโลก เมื่อปีที่ผ่านมาพบว่า 35 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่าง ระบุว่า การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอันดับต้นๆ ของพวกเขาอีกต่อไป และพวกเขาไม่รู้สึกอยากเดินทางท่องเที่ยวอีก ซึ่งนับว่าตัวเลขนี้เป็นจำนวนมากที่สุดหากเทียบกับกลุ่มตัวอย่างของประเทศอื่นๆ

เท็ตสึ นากามูระ ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมการท่องเที่ยวและจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยทามากาวะ ระบุว่า ผลสำรวจที่ออกมาไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้แก่เขาแต่อย่างใด

โดยในปี 2019 ก่อนที่จะมีการระบาดของโควิด-19 มีชาวญี่ปุ่นที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี คิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดเท่านั้น และหากย้อนไปดูการศึกษาของนากามุระเมื่อปี 2016 พบว่า มีกลุ่มที่อยากเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ไม่ได้เดินทางไปจริง รวมกับกลุ่มที่ไม่สนใจการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศเลย และก็ไม่ได้เดินทางไปจริงๆ เช่นกัน รวมกันแล้วมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์

...

มีความสุขที่ได้อยู่บ้าน

ทั้งๆ ที่ชาวญี่ปุ่นมีโอกาสที่จะทำพาสปอร์ต ที่ถือได้ว่าเป็นพาสปอร์ตที่ทรงพลังที่สุดของโลก เพราะผู้ที่มีพาสปอร์ตของญี่ปุ่นสามารถเดินทางไปที่ต่างๆ ในโลก ได้ถึงราว 85 เปอร์เซ็นต์โดยที่ไม่ต้องทำวีซ่า แต่กลับมีชาวญี่ปุ่นที่สนใจทำพาสปอร์ตเพียงไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยชาวญี่ปุ่นที่ไม่นิยมการเดินทางมักจะคิดว่า การเดินทางในประเทศก็เพียงพอสำหรับพวกเขาแล้ว

ศาสตราจารย์นากามุระ ระบุว่า ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่รู้สึกว่า การเดินทางไปต่างประเทศ เป็นการเสียเวลา เพราะพวกเขาต้องใช้เวลาไปกับการเตรียมตัวก่อนหน้านั้น ทั้งการวางแผนการเดินทางและศึกษาหาข้อมูลต่างๆ

ฮิรุ อิชิดะ วัย 25 ปี จากจังหวัดชิบะ เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่อยากเดินทางไปต่างประเทศ แต่สุดท้ายแล้วก็เลือกที่จะไม่ไป โดยเขารักการเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์เป็นชีวิตจิตใจ และอยากที่จะเดินทางไปยังสหรัฐฯ สักครั้งหนึ่ง แต่เมื่อคิดแล้วก็เลือกที่จะไม่ไป เพราะรู้สึกไม่สะดวกหลายอย่าง และญี่ปุ่นเองก็มีจุดหมายหลายแห่งที่เหมาะกับการขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยว โดยการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศครั้งล่าสุดของเขาก็คือ การเดินทางไปเกาะกวมสมัยที่เขาอยู่ชั้นมัธยม และเขาก็ไม่รู้สึกอยากไปต่างประเทศอีกเลย

ด้าน นายโคทาโระ โทริอุมิ นักวิเคราะห์ด้านการบินและการเดินทางชาวญี่ปุ่นระบุว่า ความยากลำบากและซับซ้อนยุ่งยากที่จะต้องเดินทางไปต่างประเทศ ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 อีกทั้งความเสี่ยงกลัวว่าจะติดเชื้อ ทำให้คนยิ่งไม่สนใจที่จะเดินทางไปต่างประเทศ และการระบาดของโควิดในครั้งนี้ ก็เหมือนจะเปลี่ยนกรอบความคิดของคนญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน สำหรับคนที่เคยเดินทางท่องเที่ยวบ่อยๆ ตอนนี้ก็กลัวที่จะต้องเดินทางไปต่างประเทศแล้ว เพราะยังเสี่ยงติดเชื้อได้ โดยพวกเขาสะดวกใจที่จะเดินทางในประเทศมากกว่า อีกทั้งในช่วงที่ปิดประเทศก็ทำให้ชาวญี่ปุ่นเองได้ค้นพบสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศที่น่าสนใจอีกมาก จนไม่จำเป็นต้องแสวงหาจากที่อื่นๆ อย่างไรก็ตาม นายโทริอุมิ เชื่อว่า ผู้ที่ตอบผลสำรวจว่าพวกเขาจะไม่ไปท่องเที่ยวต่างประเทศอีก อาจจะเปลี่ยนใจและออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศอีกครั้ง หากการระบาดของโรคสิ้นสุดลงแล้ว โดยข้อมูลล่าสุดจากองค์การท่องเที่ยวแห่งชาติญี่ปุ่นพบว่า จำนวนของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่ออกเดินทางไปยังต่างประเทศลดลงถึง 86.2 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2022 โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 2.7 ล้านคนเท่านั้น ในขณะที่เมื่อปี 2019 มีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศมากถึง 20 ล้านคน

...

เงินน้อยลง ปัญหาเพิ่มขึ้น

ต้องยอมรับว่า ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณา ในภาวะที่เงินเยนอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบหลายสิบปี ขณะที่แรงงานชาวญี่ปุ่นแทบจะไม่ได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนเลยในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา

เมื่อเปรียบเทียบกับคนยุคก่อน รายได้ที่น้อยลง ทำให้คนรุ่นใหม่เลือกที่จะอยู่บ้าน หรือเลือกไปท่องเที่ยวในที่ใกล้ๆ แทน แถมพวกคนรุ่นใหม่ยังมีตัวเลือกอื่นๆ ที่จะสร้างความบันเทิงให้แก่พวกเขาทดแทนการท่องเที่ยว อย่างเช่น การท่องโลกออนไลน์ ทั้งเกม และความบันเทิงต่างๆ อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาของนากามุระ ยังแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทัศนคติเชิงบวกต่อการท่องเที่ยว จะมีอิทธิพลสำคัญต่อการตัดสินใจว่า หลังจากนี้พวกเขาจะเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศอีกหรือไม่ เพราะหากมีทัศนคติที่ดี หรือประสบการณ์เชิงบวกต่อการท่องเที่ยวมาก่อน อิทธิพลของสังคมจะไม่ส่งผลใดๆ ต่อการตัดสินใจที่อยากจะไปท่องเที่ยวอีกถ้าหากมีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นช่วงก่อนการระบาด หรือหลังการระบาดก็ตาม.

...

ผู้เขียน : อาจุมมาโอปอล