กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ เสนอปรับปรุงมาตรฐานมื้ออาหารในโรงเรียนให้ลดความเค็มและความหวานลง เพื่อแก้ไขปัญหาโรคอ้วนในเด็ก และให้นักเรียนมีสุขภาพดี
นายทอม วิลแซ็ก รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ประกาศแผนที่จะปรับมาตรฐานของมื้ออาหารในโรงเรียนต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ ให้มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น โดยจะมีการจำกัดความหวานของอาหาร โดยเฉพาะอาหารรสหวานอย่างซีเรียล โยเกิร์ต นมปรุงรสต่างๆ และขนมเบเกอรี่ นอกจากนี้ยังเล็งที่จะลดโซเดียม หรือมื้ออาหารของเด็กๆ ที่มีรสเค็มให้น้อยลงให้ทั่วถึงทั้งประเทศภายในปี 2029 และจะพิจารณากฎข้อบังคับเกี่ยวกับอาหารที่มีธัญพืชให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
สำหรับเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะปรับปรุงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารที่ทางโรงเรียนจัดเตรียมให้แก่เด็กอเมริกันจำนวนมากตามโครงการอาหารเช้าและกลางวันที่ทางภาครัฐจัดสรรให้ โดยมีเด็กที่ร่วมโครงการอาหารเช้าที่โรงเรียนมากกว่า 15 ล้านคน และอาหารกลางวันอีกเกือบ 30 ล้านคนในทุกๆ วัน นอกจากนี้มาตรฐานดังกล่าวจะมีผลไปถึงร้านค้าจากภายนอกที่มาขายอาหารในโรงเรียนด้วย
...
ทั้งนี้ ข้อกำหนดในเรื่องการจำกัดความหวานจะเริ่มให้มีผลตั้งแต่ปีการศึกษา 2025-2026 โดยเริ่มจากซีเรียลรสหวาน โยเกิร์ต และนมปรุงรสแต่งรสหวานก่อน โดยภายใต้แผนดังกล่าว หากเป็นนมช็อกโกแลต 8 ออนซ์จะต้องมีน้ำตาลไม่เกิน 10 กรัมเท่านั้น จากปัจจุบันที่นมปรุงแต่งรสหวานจะมีน้ำตาลมากกว่าที่กำหนดนี้ถึง 2 เท่า นอกจากนี้ยังมีการจำกัดจำนวนของขนมต่างๆ อย่างมัฟฟิน หรือโดนัท ที่จะให้เสิร์ฟได้ไม่เกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ในมื้อเช้าเท่านั้น
และภายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2027 เป็นต้นไป การใส่น้ำตาลในมื้ออาหารทั้งมื้อเช้าและกลางวันของโรงเรียนจะจำกัดแค่ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนแคลอรีต่อสัปดาห์เท่านั้น ขณะที่ข้อเสนอแนะที่จะให้ลดโซเดียมในมื้ออาหารของโรงเรียนให้ได้ 30 เปอร์เซ็นต์ จะให้เริ่มมีผลภายในฤดูใบไม้ร่วงปี 2029 เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางของรัฐบาลกลางที่แนะนำให้ชาวอเมริกันอายุตั้งแต่ 14 ปีขึ้นไปจำกัดปริมาณการบริโภคโซเดียมให้ได้ราว 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน และจะต้องลดลงอีกในกรณีที่เป็นเด็กเล็ก
ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระบุว่า การตัดลดปริมาณน้ำตาลและเกลือลง จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคในเด็ก ทั้งโรคอ้วน เบาหวาน โรคความดันโลหิต และปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่จะตามมาเมื่ออายุมากขึ้น.
ที่มา : เอพี