น่าสนใจกับข้อมูลของ UNODC สำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime-UNODC) รายงาน พบการปลูกฝิ่นในเมียนมาเพิ่มขึ้น ตั้งแต่กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารและขึ้นมาบริหารประเทศเมื่อปี 2564

สวนทางกับช่วงปี 2557 และปี 2563 ที่ปริมาณการปลูกและการค้าฝิ่นลดลงต่อเนื่อง

เป็นการประเมินโดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียมเป็นหลัก ผลผลิตฝิ่นโดยรวม เพิ่มขึ้น 88% เป็น 790 เมตริกตันในปี 2565 เพิ่มขึ้นมากจาก 420 ตัน ในปี 2564

มีพื้นที่ปลูกฝิ่นเพิ่มขึ้น 33% เป็น 40,100 เฮกตาร์ หรือ 250,625 ไร่ ในปี 2565 และมีผลผลิตต่อเฮกตาร์หรือต่อพื้นที่ 6.25 ไร่ เพิ่มขึ้น 41% ขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ UNODC เริ่มเก็บบันทึกด้านนี้ในปี 2545

ขณะที่ราคาฝิ่นหน้าไร่ ก็เพิ่มขึ้น 69%

สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรปลูกฝิ่น เป็นเงินมากถึง 350 ล้านดอลลาร์ มากกว่า 2 เท่าของปีก่อนหน้านี้ แต่ผู้ได้ประโยชน์มากกว่าคนปลูก คือบรรดาพ่อค้ายาเสพติด

UNODC ประเมินว่า มูลค่าทางเศรษฐกิจจากการปลูกและค้าฝิ่นโดยรวมในเมียนมา ที่รวมรายได้จากการส่งออกฝิ่น และผลิตเฮโรอีน มีมูลค่ามากถึง 2,000 ล้านดอลลาร์ ในปีที่ผ่านมา

“เจเรมี ดักลาส” ผู้แทน UNODC ระบุว่า ภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ ความมั่นคง และธรรมาภิบาลที่ย่ำแย่ในเมียนมา หลังการยึดอำนาจของกองทัพในเดือน ก.พ.2564 ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ห่างไกลที่มักเกิดความขัดแย้งทางการเมือง มีทางเลือกที่จำกัด จึงหวนกลับไปปลูกฝิ่นเพื่อความอยู่รอด

สามเหลี่ยมทองคำ ดินแดนติดต่อระหว่าง ไทย-ลาว-เมียนมา

ถือเป็นศูนย์กลางการค้ายาเสพติดมาช้านาน แนวโน้มการปลูกฝิ่นในเมียนมาที่เพิ่มขึ้น บ่งชี้ว่าภูมิภาคนี้กำลังถูกใช้เป็นทางผ่าน หรือจุดเชื่อมโยงกับตลาดค้ายาเสพติดโลก

...

ผลสำรวจในรายงานชิ้นนี้ยังพบว่า การปลูกฝิ่นที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการผลิตยาเสพติดในเมียนมาที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

คาดว่าการค้าเฮโรอีนในภูมิภาคนี้ อาจมีมูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์

ขณะที่ “เบเนดิกต์ ฮอฟมันน์” ผู้จัดการของ UNODC ประจำเมียนมา ระบุว่า หากไม่มีทางเลือกอื่น และเศรษฐกิจของเมียนมายังไร้เสถียรภาพแบบนี้ต่อไป มีความเป็นไปได้มากที่การปลูกและการค้าฝิ่น จะยังคงขยายตัวต่อไป

การตกอยู่ภายใต้การปกครองของทหาร ทำให้ประชาชนหมดโอกาสทำมาหากิน

หนึ่งในทางเลือกที่จะมีชีวิตรอด ก็คือการหวนกลับไปปลูกฝิ่น

ทุกวันนี้ เมียนมาเป็นผู้ผลิตฝิ่นรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากอัฟกานิสถาน

ซึ่งการปลูกฝิ่นคือธุรกิจที่มาพร้อมความยากจน และมักแปรผกผันกับตัวเลขเศรษฐกิจของเมียนมา

ปัญหาภายในของเมียนมา ส่งผลกระทบโดยตรงต่อไทย ในฐานะชาติเพื่อนบ้านที่มีอาณาเขตติดกัน

คิดว่าเรื่องนี้ทางฝ่ายผู้เกี่ยวข้องคงเตรียมรับมือไว้แล้ว

เพียงวิตก เรื่องแก๊งคนมีสีนอกรีต ที่มีเรื่องราวสารพัดฉาวโฉ่ขณะนี้

พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเงิน และผลประโยชน์

อาจเป็นอีกวิกฤติ ที่พวกเราจะต้องเผชิญ.

เพลิงสุริยะ