การดูแลสุขภาพคงเป็นเป้าหมายของหลายๆคนในช่วงปีใหม่ บางคนอาจตั้งเป้าชัดเจนว่า คราวนี้แหละจะลอง “เลิก” หรือ “ลด” การดื่มสุราหรือสูบบุหรี่

ส่วนตัวแล้วการเลิกหรือลดของพวกนี้ อยู่ที่ว่าจะ “ใจแข็ง” แค่ไหน เพราะต่อให้มีข้อมูลผลเสียมากมายก่ายกองเพียงไร ก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ โดยเฉพาะเรื่องการสูบบุหรี่ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าการสูบบุหรี่จัดเป็นปัญหาสุขภาพระดับโลก มีผู้สูบบุหรี่ทั่วโลกประมาณ 22.3% และเกือบครึ่งต้องเสียชีวิตเพราะการสูบบุหรี่

แน่นอนว่า การรณรงค์เรื่องบุหรี่เป็นสิ่งที่ทั่วโลกทำกันมายาวนาน เนื่องจากจะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งปอด โรคหัวใจ และโรคอื่นๆ แต่ผู้ที่สูบมาเรื่อยๆย่อมเผชิญกับอาการขาด “สารนิโคติน” ทำให้อยากกลับไปสูบอีก จึงมีสิ่งทดแทนนิโคตินอย่างแผ่นแปะหรือหมากฝรั่งนิโคติน และได้รับความนิยมแพร่หลาย

อย่างไรก็ตาม ช่วงกลางเดือน ธ.ค. มีรายงานจากมหาวิทยาลัย “อ็อกซ์ฟอร์ด” สนับสนุนโดยสถาบันวิจัยโรคมะเร็งแห่งสหราชอาณาจักร ที่ระบุว่าบุหรี่ไฟฟ้าแบบมีนิโคตินก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกตอนนี้ ผู้สูบบุหรี่ 6 ใน 100 คนเลิกสูบบุหรี่ได้ด้วยการใช้นิโคตินทดแทน ขณะที่ 8-12คน ใน 100 คน อาจเลิกสูบบุหรี่ได้ด้วยการใช้บุหรี่ไฟฟ้าแบบมีนิโคติน ถือเป็นอัตราการเลิกบุหรี่ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวิธีเก่า

กระนั้น มิทเชลล์ มิเชล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสถาบันวิจัยโรคมะเร็งแห่งสหราชอาณาจักร กล่าวว่า มีหลักฐานเพิ่มเติมว่าบุหรี่ไฟฟ้าก็เป็นเครื่องมือหนึ่งในการช่วยลดละเลิก แต่ก็ไม่แนะนำให้เยาวชน หรือผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาใช้แบบไฟฟ้า เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ค่อนข้างใหม่ ยังไม่ทราบผลกระทบในระยะยาว จำเป็นต้องหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ให้นิโคตินดีกว่ารุ่นก่อนๆ จะทำให้เลิกได้จริงหรือ

...

กรณีนี้ถือเป็นข้อสงสัยที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะเอาเข้าจริงแล้วหลายคนก็คงเคยเห็นกันว่า สูบบุหรี่ไฟฟ้าใช่ว่าจะเลิกบุหรี่ได้ บางคนรู้สึก “ไม่อิ่ม” เลยสูบสองอย่างทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ ซึ่งร่างกายจะพังกว่าเดิมหรือไม่ก็ยังไม่มีผลวิจัยชัดเจน ด้วยเหตุนี้ถ้าอยากจะเลิก ก็ใจแข็งกัดฟันไปเลย อาจมีประสิทธิภาพกว่า!?

ตุ๊ ปากเกร็ด