ขอแสดงความยินดีกับอิสรภาพของเรืออากาศโท วิคเตอร์ อนาโตลีเยวิช บุท ผู้เดินทางถึงสนามบิน “วนูโกโว-2” ของกรุงมอสโก เมื่อเที่ยงคืนของพฤหัสบดีที่ 8 ต่อด้วยเช้าวันศุกร์ที่ 9ธันวาคม 2022 เป็นการแลกนักโทษระหว่างบุทกับบริทนีย์ ไกรเนอร์ นักบาสเกตบอลอเมริกัน ผู้เป็นนักโทษหญิงในเรือนจำของรัสเซีย

สมัยอยู่รัสเซีย พ่อของผมคือ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย เคยเช่าบ้านของป้าอีรีนา อเล็กเซเยฟนา ซอโบเลวา (เสียชีวิตเมื่อ ค.ศ.2010) เลขที่ 1 ถนนทันโกวึยโปรเยียส กรุงมอสโก นอกจากเช่าบ้านแล้ว ป้าอีรีนายังรับทำอาหารให้พ่อผม 2 มื้อเช้าเย็นฝั่งตรงข้ามกับบ้านเลขที่ 1 เป็นโรงเรียนนายทหารสัญญาบัตรเก่าแก่ ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อสถาบันเป็น The Military University of the Ministry of Defense of Russia หรือมหาวิทยาลัยทหารของกระทรวงกลาโหมแห่งรัสเซีย

สถาบันทหารแห่งนี้ผลิตนายทหารชั้นสัญญาบัตรคนหนึ่งชื่อวิคเตอร์ อนาโตลีเยวิช บุท ต่อมาบุทเลือกสังกัดกองทัพอากาศ เมื่อจบการศึกษาแล้ว บุทถูกส่งไปประจำที่สาธารณรัฐโมซัมบิก ทวีปแอฟริกา จนได้เลื่อนยศเป็นเรืออากาศโท บุทกลับมารัสเซียด้วยความหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวใจ สหภาพโซเวียตอันยิ่งใหญ่ล่มไปแล้ว ผู้รักชาติสมัยนั้นลาออกจากราชการกันเป็นแถว เช่น พันตำรวจโท วลาดิมีร์ วลาดิมิโรวิช ปูติน หรือแม้แต่เรืออากาศโท วิคเตอร์ อนาโตลีเยวิช บุท

บุทมาเมืองไทยครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ ค.ศ.1998 เพื่อประชุมการบินพลเรือนนานาชาติที่เชียงใหม่ หลังจากนั้นก็ไม่เคยมาเยือนเมืองไทยอีกเลย

พุธ 5 มีนาคม 2008 ฐานะอดีตกรรมการปรับปรุงคุณภาพความพึงพอใจของลูกค้าของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พ่อผมได้รับการอัปเกรดให้บินกลับเมืองไทยในชั้นเฟิร์สคลาส ผู้ที่นั่งอยู่ในชั้นเฟิร์สคลาสด้วยกันอีกคนมีชื่อว่า เรืออากาศโท วิคเตอร์ อนาโตลีเยวิช บุท

...

พฤหัสบดี 6 มีนาคม 2008 ล้อเครื่องบินแตะแผ่นดินไทยในเวลาเช้า พ่อผมเร่งออกจากสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อไปประชุมกับนายเซรเก บากีรอฟ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์อันดับ1 ของสหภาพโซเวียตและรัสเซีย ท่านบากีรอฟมานั่งรอพ่ออยู่ที่บ้านแขวงขุมทอง เขตลาดกระบังตั้งแต่เช้า ท่านเคยเป็นอดีตผู้อำนวยการมอสฟิล์ม (รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตภาพยนตร์อันดับ1 ของโซเวียตและรัสเซีย) ปัจจุบันท่านเป็นผู้บริหารลำดับ 3ของก๊าซพรอมมีเดีย ผู้ผลิตภาพยนตร์และสื่อของบริษัทพลังงาน (ก๊าซพรอมเป็นบริษัทขายก๊าซธรรมชาติใหญ่ที่สุดในโลก)

ขณะกำลังนั่งประชุมกับท่านบากีรอฟที่บ้านลาดกระบังก็มีโทรศัพท์จากสถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทยมาถึงพ่อปลายสายรายงานว่า บุทถูกจับกุมโดยผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (พลตำรวจโท พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์) และนายเวร (พันตำรวจเอก อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์)

บังเอิญพ่อสนิทสนมและมีเบอร์ของนายตำรวจทั้งสองท่าน โดยเฉพาะพลตำรวจโทพงศ์พัฒน์ ท่านพงศ์พัฒน์เคยส่งพี่อัครวุฒิ์ไปตระเวนอิหร่านกับพ่อนานเกือบเดือน เมื่อพ่อโทร.ไปสอบถามบุคคลทั้งสองก็ได้รับคำตอบว่า ตำรวจไทยจับบุทตามคำแนะนำของสหรัฐฯ “วันหน้าพี่จะเล่าให้หมูฟังครับ”

หลังจากนั้นพ่อก็ต้องประชุมกับนางอัลลา ยูรีเยฟนา บุทภรรยาของวิคเตอร์ บุท ที่บ้านลาดกระบังอีกหลายครั้ง การจับกุมบุทมีสาเหตุลึกลับซับซ้อนเกินกว่าที่จะเอามาอธิบายขยายความให้สังคมโลกได้รู้ โดยเฉพาะเรื่องทางศาล ผมจึงไม่ขอนำมาเขียนถึงในที่นี้

ต่อมาประธานาธิบดีปูตินมี “สาร” มาถึงท่านผู้ใหญ่ในเมืองไทย 1 ฉบับ ฝ่ายข่าวของรัสเซียขอความช่วยเหลือจากพ่อของผมให้เป็น “ผู้บริหารจัดการสารสำคัญ” ของท่านปูติน พ่อซึ่งมั่นใจในความบริสุทธิ์ของบุทจึงตัดสินใจช่วย โดยนัดผู้ใหญ่ฝ่ายไทยท่านหนึ่งเพื่อมอบสารที่มีลายเซ็นของท่านปูตินให้ และเล่าเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างเปิดเผยกับท่านผู้ใหญ่ ทว่า ทุกอย่างก็เงียบหายไปกับสายลม เมื่อติดตามถามถึง ท่านผู้ใหญ่ก็บอกว่า “เรื่องมันใหญ่ระดับโลก ผมช่วยไม่ได้ดอกครับ”

โปรดติดตามตอนต่อไป.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com