“เจ้าแห่งสงคราม” ลอร์ด ออฟ วอร์หวนคืนสู่วงการอีกครั้ง พร้อมกับความสามารถที่จะสร้างอันตรายและการทำลายล้างไปทั่วโลก

นับเป็นเสียงหงุดหงิดจาก “เดเรค มอลต์ซ” อดีตเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดสหรัฐฯ (DEA) ที่เปิดใจให้สัมภาษณ์สื่อการเมืองโพลิติโกสหรัฐฯ ถึงกรณีรัฐบาลรัสเซีย-สหรัฐฯ ตกลงแลกตัว “วิคเตอร์ บุท” พ่อค้าอาวุธชาวรัสเซีย ฉายาพ่อค้าความตาย กับบริตต์นีย์ ไกรเนอร์ นักบาสเกตบอลหญิงอเมริกัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ใครที่ติดตามข่าวสารน่าจะพอจำกันได้ว่าพ่อค้าอาวุธรายนี้ถูกจับกุมที่ประเทศไทย เมื่อปี 2551 ถูกส่งตัวให้สหรัฐฯในปี 2553 ก่อนรับโทษจำคุก 25 ปี ซึ่งมอลต์ซเล่าว่า การจับกุมมีขึ้นหลัง ฮวน ซาราเต รองที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯในรัฐบาล จอร์จ ดับเบิลยู บุช สั่งให้ดีอีเอหาทางจัดการบุทตั้งแต่ปี 2550

ปฏิบัติการครั้งนั้น ทางดีอีเอจัดฉากติดต่อบุทในนามกองกำลังปฏิวัติโคลอมเบียหรือฟาร์ก และนัดพบกันที่ประเทศไทย เพื่อปิดดีลการซื้อขายจรวดต่อต้านอากาศ 800 ชุด ซึ่งในการเจรจาครั้งนั้น บุทกล่าวว่าสหรัฐฯคือศัตรู สู้กับสหรัฐฯมา 15ปีแล้ว และต้องการบรรลุการขายอาวุธเพื่อที่จะสังหารอเมริกัน

“ผมดีใจที่ไกรเนอร์ได้กลับบ้าน แต่ก็ผิดหวังอย่างมากที่เราตัดสินใจปล่อยวิคเตอร์บุท เพราะหลังจากนี้เขาจะฉลาดยิ่งขึ้น รู้ขั้นตอนกระบวนการแล้วว่าเราใช้เทคนิคอะไรเพื่อจับกุมเขา”

อยากถามไปยัง “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า รู้อะไรเกี่ยวกับบุทแค่ไหน เพราะจำได้ว่าเมื่อปี 2552 ท่านก็ร่วมฟังการบรรยายจากทีมความมั่นคง และทุกคนก็สนับสนุนปฏิบัติการจับกุมของดีอีเอ น่าขมขื่นหรือไม่ที่หลายปีผ่านไป ท่านเป็นประธานาธิบดีและใช้ “การเมือง” เป็นปัจจัยในการแลกตัว

...

ที่สำคัญงานนี้ส่วนตัวแล้วถือว่า รัสเซียประสบความสำเร็จ เราเป็นฝ่ายยอมหมอบไพ่ และส่งตัวผู้ก่อการร้ายระดับสากลกลับคืนไป.

ตุ๊ ปากเกร็ด