นับเป็นการเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ หลังประธานาธิบดีจีน “สี จิ้นผิง” เดินทางสู่กรุง ริยาด กระชับสัมพันธ์ซาอุดีอาระเบีย พร้อมร่วม การประชุมสุดยอดจีน-อาหรับครั้งแรก ระหว่างวันที่ 7-10 ธ.ค. สัปดาห์ก่อน

นายสี จิ้นผิงแสดงเจตจำนงผ่านถ้อยแถลงว่า การแลกเปลี่ยนระหว่างจีนกับชาติอาหรับย้อนไปได้เป็นเวลากว่า 2,000 ปี ชื่นชมกันมาตั้งแต่ยุคโบราณกาล มีการเดินทางไปมาหาสู่กัน หลายต่อหลายครั้ง อย่างการเดินทางเยือนเมืองกวางโจวของนักเดินเรืออาบู โอเบได ก็นำไปสู่นิทานชื่อดังอย่างการผจญภัยของซินแบด

ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างเราเป็นความร่วมมือครอบคลุมและ
การพัฒนาร่วม ชาติอาหรับสนับสนุนนโยบาย “จีนเดียว” และจีนก็สนับสนุนความเป็นอธิปไตย เอกราช และความเป็นปึกแผ่นของดินแดนชาติอาหรับ มีความร่วมมือโครงการเศรษฐกิจมากมาย ไปจนถึงความร่วมมือด้านการศึกษา การจัดตั้งสถาบันขงจื๊อ และการสอนภาษาอารบิกในมหาวิทยาลัยจีนกว่า 40 แห่ง ซึ่งจีนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับชาติอาหรับโดยมีอนาคตร่วมกัน ไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน

ในฐานะหุ้นส่วนยุทธศาสตร์และ “เพื่อนแท้” ของซาอุดีอาระเบีย จีนมีความรู้สึกเบิกบานที่เห็นประชาชนภายใต้การนำของสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานและเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมาร กำลังก้าวสู่อนาคตภายใต้แผนยุทธ ศาสตร์ “วิชัน 2030” ของซาอุดีอาระเบีย เราสองจะยังคงมีความเข้าอกเข้าใจกันและสนับสนุนซึ่งกันและกัน เป็นตัวตั้งตัวตีในการสนับสนุนเอกราชและต่อต้านการแทรกแซงจากภายนอก พร้อมเพิ่มการรวมพลังโครงการ “แถบและเส้นทาง” (BRI) และวิชัน 2030 เข้าด้วยกัน

...

จีนจะยึดมั่นต่อการมอบโอกาสให้ชาติอาหรับและทั่วโลกผ่านการพัฒนาของจีน พร้อมทำงานกับ “พี่น้อง” ชาวอาหรับ เพื่ออุ้มชูความ ฉันมิตรตั้งแต่อดีตกาลและสร้างอนาคตที่สดใสร่วมกัน แน่นอนว่าคำแถลงอันสวยงามยังมีขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศ “แบ่งขั้ว” ในเวทีโลกและความพยายามล้อมกรอบจีนของชาติตะวันตก

จึงน่าสนใจว่า การยื่นไมตรีครั้งนี้คือ ก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่ขั้นต่อไปหรือไม่ เพราะอย่าลืมว่า ซาอุดีอาระเบียมีความประสงค์อยากเข้าร่วมกลุ่ม BRICs บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้!?

ตุ๊ ปากเกร็ด