รัฐบาลจีนปรับนโยบายควบคุมโควิด-19 ทั่วประเทศ โดยผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดหลายอย่าง รวมถึงให้กักตัวที่บ้านได้ หลังเกิดการประท้วงต่อต้านครั้งใหญ่
เมื่อวันพุธที่ 7 ธ.ค. 2565 สถานีโทรทัศน์ ซีซีทีวี ของจีน เผยแพร่แถลงการณ์ของคณะมนตรีรัฐกิจ ประกาศมาตรการควบคุมโควิด-19 ใหม่ 10 มาตรการ โดยผ่อนคลายข้อจำกัดบางอย่างรวมถึง อนุญาตให้ประชาชนกักตัวที่บ้านได้แล้ว และยกเลิกระบบสแกนคิวอาร์โค้ดสุขภาพ ซึ่งทุกคนต้องทำก่อนเข้าที่สาธารณะเกือบทั้งหมด
รัฐบาลท้องถิ่นของจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดมาสักพักแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างเป็นทางการในระดับประเทศ หลังใช้มานาน 3 ปีเพื่อทำให้โควิดเป็นศูนย์ จนกระทั่งประชาชนทนไม่ไหวกับการล็อกดาวน์และข้อจำกัดต่างๆ จนออกมาประท้วงครั้งใหญ่เมื่อปลายเดือนก่อน
ทั้งนี้ ตามมาตรการล่าสุด ความเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นรวมถึงการยกเลิกการสแกนคิวอาร์โค้ด ผู้คนจะสามารถเข้าสู่สถานที่ส่วนใหญ่ได้โดยไม่ต้องแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบหรือแสดงโค้ดสุขภาพเพื่อบอกสถานะของตัวเองแล้ว หลังจากบังคับใช้มานานเกือบ 3 ปี ยกเว้นสถานที่บางแห่งเช่น บ้านพักคนชรา, สถานพยาบาล หรือโรงเรียนมัธยม ขณะที่ธุรกิจต่างๆ สามารถเลือกใช้มาตรการป้องกันและควบคุมของตัวเองได้
ขณะที่ผู้ป่วยโควิดแบบไม่มีอาการ หรือมีอาการป่วยเล็กน้อยและผู้สัมผัสใกล้ชิด จะสามารถกักตัวที่บ้านได้แล้ว จากเดิมที่ต้องไปยังอาคารที่รัฐบาลจัดเอาไว้ ซึ่งถูกครหามาตลอดเรื่องความสับสนในการจัดการและความเครียดในสถานที่กักตัว
รัฐบาลยังจำกัดเรื่องการใช้มาตรการล็อกดาวน์ โดยเรียกร้องให้ทางการท้องถิ่นรับประกันการทำงานเป็นปกติของสังคมและบริการทางการแพทย์พื้นฐาน พื้นที่ที่ไม่ได้ถูกกำหนดเป็นพื้นที่ความเสี่ยงสูง ไม่ควรมีการจำกัดการเคลื่อนไหวของประชาชนหรือปิดธุรกิจ โดยการล็อกดาวน์จะอนุญาตให้ใช้ในพื้นที่ความเสี่ยงสูงเท่านั้น และควรยกเลิกอย่างรวดเร็วหากไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 วันต่อเนื่องกัน
...
คำสั่งยังกำชับด้วยว่า ทางการห้ามปิดกั้นทางหนีไฟ, ทางเขาอาคาร หรืออพาร์ตเมนต์ และประตูอื่นๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถอพยพและขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ได้ในกรณีจำเป็น โดยคาดว่าคำสั่งนี้มีขึ้นหลังเกิดข้อกล่าวหาว่า มาตรการล็อกดาวน์ทำให้ผู้คนหนีจากอาคารที่ถูกไฟไหม้ในมณฑลซินเจียงเมื่อเดือนพฤศจิกายนไม่ทัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับสิบราย และเป็นหนึ่งในชนวนเหตุที่ทำให้เกิดการประท้วงใหญ่ต่อต้านมาตรการเข้มงวด
คณะมนตรีรัฐกิจยังเน้นย้ำความจำเป็นของการเร่งความเร็วในการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ในหมู่ผู้สูงอายุ การกระจายยาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และทำให้การเดินทางภายในประเทศง่ายขึ้น ผู้ที่จะเดินทางข้ามมณฑลไม่จำเป็นต้องแสดงเอกสารยืนยันว่ามีผลตรวจเป็นลบ หรือโค้ดสุขภาพ หรือตรวจโรคเมื่อเดินทางถึงจุดหมายแล้ว
นอกจากนั้น ยังมีการผ่อนคลายมาตรการอีกหลายอย่าง รวมถึงการขอให้โรงเรียนที่ไม่มีการระบาดของโควิด เปิดการเรียนการสอนแบบพบหน้ากันตามปกติ และเปิดอาคารต่างๆ เช่นโรงอาหาร, ห้องสมุด และศูนย์กีฬา ส่วนโรงเรียนที่พบผู้ติดเชื้อยังสามารถมีการเรียนการสอนได้ตามปกติ ตราบเท่าที่ยังถูกจัดเป็นเขตความเสี่ยงไม่สูง และมีมาตรการควบคุม
ที่มา : CNN