ชาวยูเครนในเมืองเคอร์ซอน และหลายเมืองทั่วประเทศออกมาเฉลิมฉลองด้วยความดีใจ หลังจากกองทหารรัสเซียได้ถอนกำลังออกจากเมืองเคอร์ซอน ทางใต้ของยูเครนเมื่อวันศุกร์ที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากยึดครองไว้ได้มานานกว่า 8 เดือน นับตั้งแต่เปิดฉากทำสงครามในยูเครนเมื่อ 24 ก.พ. 2565 จนทำให้เมืองเคอร์ซอน กลายเป็นเมืองเอกของแคว้นต่างๆ ในยูเครนเพียงเมืองเดียวที่ตกอยู่ในน้ำมือของรัสเซีย
การถอนทหารจากเมืองเคอร์ซอน เมืองเอกของแคว้นเคอร์ซอน ถือเป็นความปราชัยที่น่าอดสูสำหรับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และถือเป็นเหตุการณ์ทางทหารที่สำคัญที่สุดของสงครามยูเครน นับตั้งแต่กองทัพยูเครนซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์จากชาติตะวันตก สามารถบุกโจมตีขับไล่ทหารรัสเซียทั่วทางเหนือของแคว้นคาร์คิฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ได้อย่างง่ายดาย ในช่วงเดือนกันยายน ที่ผ่านมา
CNN รายงานว่าจนถึง 11 พ.ย. 2565 กองทหารรัสเซียได้สูญเสียพื้นที่ในแคว้นเคอร์ซอนที่เคยครอบครองไปแล้วประมาณ 40% โดยยังสามารถยึดครองเฉพาะพื้นที่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำนีเปอร์ และตอนนี้ กองทัพยูเครนที่สามารถบุกยึดคืนพื้นที่เมืองเคอร์ซอนไว้ได้แล้ว กำลังประจันหน้ากับกองทหารรัสเซีย โดยมีเพียงแม่น้ำนีเปอร์ขวางกั้นอยู่เท่านั้น และบริเวณนี้ห่างจากโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ ‘ซาปอริชเชีย’ ริมทะเลดำ ที่รัสเซียยึดครองอยู่ แค่ประมาณ 250 กิโลเมตร
...
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนได้ยกย่องการยึดคืนเมืองเคอร์ซอนมาได้ว่า เป็น ‘วันประวัติศาสตร์’ สำหรับยูเครน ‘พวกเรากำลังยึดคืนพื้นที่ทางใต้ของประเทศ พวกเรากำลังยึดคืนแคว้นเคอร์ซอน’
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ รัสเซียยังคงครองพื้นที่ในแคว้นเคอร์ซอนได้ ประมาณ 60% ได้แก่พื้นที่ทางใต้และตะวันออกของแม่น้ำนีเปอร์ รวมทั้งพื้นที่ชายฝั่งทะเลอะซอฟ ในขณะที่รัสเซียยังมีอาวุธจำนวนมากและมีกำลังทหารชุดใหม่ที่ถูกส่งมายังสมรภูมิรบในยูเครน หลังจากปูตินได้สั่งระดมกำพลสำรองเมื่อเดือนกันยายน 2565
หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทหารรัสเซียได้โหมโจมตีระบบโครงสร้างพื้นฐานของหลายแคว้นในยูเครน ทำให้ประชาชนไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ ในขณะที่ตอนนี้ยูเครนกำลังได้รับความช่วยเหลือด้านระบบป้องกันภัยทางอากาศที่มีความทันสมัยจากชาติตะวันตกน้อยลง แต่ยังมีพื้นที่อีกกว้างใหญ่ที่จะต้องป้องกัน
ที่มา : CNN
...