ตอนที่ 5 ผมรับใช้ถึงวันที่หูจิ่นเทา (อายุ 39 ปี) เจอกับเติ้งเสี่ยวผิงและคณะผู้อาวุโสครั้งแรก ผู้นำอาวุโสจะนั่งบนเก้าอี้เรียงแถวอย่างเรียบร้อย ส่วนพวกว่าที่ผู้นำรุ่นใหม่นั่งเป็นแถวอยู่ด้านหลังแถวนั่งของผู้นำอาวุโส เมื่อถูกขานชื่อ พวกว่าที่ผู้นำรุ่นใหม่ก็จะลุกขึ้น และเดินออกไปยืนกลางห้องโถง ทุกคนจะต้องเล่าเรื่องของตนเอง เล่าถึงการเรียนและผลงานที่ผ่านมา พวกผู้นำอาวุโสก็จะพินิจพิจารณาบุคลิกท่าทางของว่าที่ผู้นำรุ่นใหม่นี้

ค.ศ.1985 นายหูถูกส่งไปทดลองงานเป็นเลขาธิการพรรคของมณฑลกุ้ยโจว มีฐานะเป็นผู้นำสูงสุดของมณฑล ทดลองทำงานอยู่ 3 ปี ค.ศ.1988 มีการเดินขบวนของชาวทิเบตในเมืองลาซาและขยายตัวเป็นการจลาจล คณะผู้นำอาวุโสจึงให้นายหูไปทดสอบความอดทนของร่างกายบนที่ราบสูงทิเบต เพราะที่นั่นอากาศเบาบาง นายหูไปสร้างผลผลิตด้านการเกษตรอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวให้ทิเบตได้สำเร็จ ก็จึงได้เป็น 1 ใน 7 ของกลุ่มผู้นำสูงสุด

เจียงเจ๋อหมินเป็นผู้นำประเทศอยู่นาน 10 ปี (1992-2002) คณะผู้อาวุโสให้หู (อายุ 50 ปี) เรียนรู้งานเพื่อสานต่องานจากเจียง
การประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 16 ใน ค.ศ.2002 นายหูได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี แต่เจียงประธานาธิบดีคนเดิมยังคงเป็นประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง ตอนนายหูเป็นผู้นำประเทศใหม่ๆ เป็นช่วงที่โรคซาร์ระบาด นายหูปลดเจ้าหน้าที่พรรคและเจ้าหน้าที่รัฐบาล รัฐมนตรีสาธารณสุขและนายกเทศมนตรีกรุงปักกิ่ง ซึ่งพวกนี้เป็นเด็กของนายเจียง ทำให้ทุกคนตระหนักว่า นายหูที่อายุ 60 ปี มีภาวะผู้นำและเป็นตัวของตัวเอง

นายหูต้องแก้ไขปัญหาความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจนที่มีมากขึ้น เริ่มมีการฉ้อราษฎร์บังหลวงรุนแรง นายหูแก้ปัญหาไต้หวันอย่างคำนึงถึงสัมพันธภาพทางการเมืองกับไต้หวัน ไม่ส่งเสริมนโยบาย 1 ประเทศ 2 ระบบ แต่นายหูต้องการให้มีการบูรณาการทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม

...

ผมขอรวบรัดไปที่ผู้นำจีนยุคที่ 5 เลยครับ สีจิ้นผิงเป็นบุตรของสีจงชุน อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่อนุมัติให้มีการตีพิมพ์หนังสือวิพากษ์วิจารณ์เหมาเจ๋อตง สีจงชุนจึงถูกตัดสินว่าเป็นผู้มีประวัติด่างพร้อยและถูกปรับฐานะเป็นกรรมกร พี่สาวของนายสีทนแรงกดดันไม่ไหวจึงฆ่าตัวตาย นายสีต้องถูกเกณฑ์ไปทำไร่ไถนา ไปเลี้ยงสัตว์ ไม่มีบ้านอยู่ ต้องไปอาศัยอยู่ในถ้ำที่เหลียงเจี่ยเหอ

ความรักพรรค นายสีเขียนจดหมายจากในถ้ำมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์หลายครั้ง ทว่าถูกปฏิเสธมาโดยตลอด จนบั้นปลายท้ายที่สุดประสบความสำเร็จ พอเหมาตายแล้ว พ่อของนายสีจึงได้รับการฟื้นฟูชื่อเสียง นายสีก็ได้กลับมาเรียนต่อจนจบปริญญาทางเคมีจากมหาวิทยาลัยชิงหัว และทำงานรับใช้พรรคในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านผสมพันธุ์หมูที่มณฑลเหอเป่ย์

ความที่เป็นลูกผู้ใหญ่ นายสีพัฒนาความสัมพันธ์กับทหารและพวกสมาชิกระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ ในการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 18 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2012 นายสีได้เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน + ประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ และเป็นประธานาธิบดีเมื่อเดือนมีนาคม 2013

ถ้าเป็นไปตามสิ่งที่นายเติ้งวางไว้ นายสีต้องหมดวาระการเป็นผู้นำในการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 20 ซึ่งประชุมไปในเดือนตุลาคม 2022 แต่เมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็มีการต่อวาระของนายสีออกไปอีก 1 สมัย ทำให้การเมืองของจีนป่วนพอสมควร มีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจ เมื่อบวกกับมาตรการการควบคุมโควิด–19 อย่างเข้มงวด ก็ทำให้เกิดการต่อต้านอย่างเงียบๆ ภายในประเทศ

ระหว่างการเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 นายสีต้องบริหารสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน, โควิด-19 ระบาด, สงครามรัสเซีย-อูเครน และการหนุนไต้หวันของสหรัฐฯ

มองอย่างเป็นกลาง ผมว่านายสีทำได้ดีพอสมควร ยกเว้นนโยบายการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รัฐบาลคุมเข้มมากซะจนเศรษฐกิจตกต่ำย่ำแย่ไปทั้งประเทศ

ผมขอจบเรื่องกว่าจะเป็นผู้นำจีนไว้แต่เพียงเท่านี้ครับ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com