เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันในรัฐต่างๆทยอยเข้าคูหาลงคะแนนการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ เฟ้นหาผู้ว่าการรัฐ 36 รัฐ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภา 435 ที่นั่ง และวุฒิสมาชิก 35 ที่นั่ง จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง ซึ่งจะเป็นการวัดเสถียรภาพรัฐบาลพรรคเดโมแครตของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสองปีหน้าและแนวโน้มว่าประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐฯ จะพลิกกลับไปยังพรรคฝ่ายค้านรีพับลิกันหรือไม่

ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศยังคงเกาะติดกระแสความได้เปรียบของพรรครีพับลิกันและความเป็นไปได้ที่พรรคเดโมแครตอาจสูญเสียสถานะเสียงข้างมากในสภาคองเกรสคือทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา หลังผลโพลเบื้องต้นมีความเป็นไปได้ที่พรรครีพับลิกันอาจครองที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรสูงถึง 228 ที่นั่ง จากเดิมที่เดโมแครตครองเสียงข้างมากในสัดส่วน 220-212 ที่นั่ง ขณะที่เก้าอี้ในวุฒิสภานั้น รีพับลิกันก็ต้องการเพียงแค่ที่นั่งเดียวในการครองเสียงข้างมาก เนื่องจากสัดส่วนเดิมอยู่ที่ 50-50 ที่นั่ง
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการการเลือกตั้งสหรัฐฯประกาศเตือนว่า ผลการเลือกตั้งอาจยังไม่รู้ผลในเร็ววัน อาจต้องใช้เวลาหลายวันในการนับคะแนนหากเกิดกรณีผลสูสี ขณะที่ผลการเลือกตั้งวุฒิสมาชิก อาจต้องรอไปจนถึงวันที่ 6 ธ.ค. เพราะมีความเป็นไปได้ที่ผลคะแนนในรัฐจอร์เจียจะคู่คี่

นอกจากนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งสหรัฐฯ ยังเปิดเผยว่า มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความเชื่อมั่นแก่ประชาชนว่าการนับคะแนนเลือกตั้งจะเป็นไปอย่างเที่ยงตรง หลังเริ่มมีกระแสในโซเชียลมีเดียพูดถึงความผิดปกติของคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อปี 2563 เคยมีเหตุการณ์ผู้สนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จัดการชุมนุมพร้อมอาวุธในรัฐอริโซนาก่อนหน้าวันเข้าคูหาเลือกตั้ง ผลสำรวจคะแนน นิยมจัดทำโดยรอยเตอร์/อิปซอสระบุว่า ชาวอเมริกันที่ตอบแบบสอบถาม 39% สนับสนุนการทำงานของนายไบเดน รอยเตอร์รายงานด้วยว่า ภายในพรรคเดโมแครตมีความแคลงใจว่า การชูประเด็นหาเสียงว่าปกป้องประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่ เพราะประชาชนขณะนี้สนใจเรื่องปากท้องปัญหาเศรษฐกิจ ส่วนอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของรถไฟฟ้าเทสลาและโซเชียลมีเดียทวิตเตอร์ เรียกร้องให้ชาวอเมริกันเลือกพรรครีพับลิกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เจ้าของโซเชียลมีเดียประกาศจุดยืนเลือกข้าง.

...