วันนี้ชาวเมืองผู้ดีอังกฤษคงได้เห็นหน้าตา ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ กันแล้ว หลังจากที่ นางลิซ ทรัสส์ นายกฯที่อยู่ในตำแหน่งสั้นที่สุดเพียง 45 วัน ต้องตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง จากนโยบายการเงินที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ทำให้ค่าเงินปอนด์ร่วงลงตํ่าสุดในประวัติศาสตร์ เมื่อทำงานผิดพลาด ประชาชนส่งเสียงขับไล่ พรรคการเมืองฝ่ายค้านก็ขับไล่ พรรคคอนเซอร์เวทีฟของเธอเองก็ขับไล่ นางลิซ ทรัสส์ ก็ไม่หน้าหนา หน้าทนดันทุรังเป็นนายกฯต่อ ตัดสินใจประกาศลาออกทันที
ตัวเต็ง ว่าที่นายกฯอังกฤษคนใหม่ ล่าสุดคือ นายริชชี ซูนัก อดีตรัฐมนตรีคลัง ที่พ่ายแพ้ให้กับ นางทรัสส์ และมีข่าวว่า นายบอร์ริส จอห์นสัน อดีตนายกฯ ก็จะลงเวทีสู้ด้วย
นางลิซ ทรัสส์ ได้เข้าเฝ้า สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เพื่อถวายรายงานการลาออกก่อนแถลงข่าวที่หน้าทำเนียบรัฐบาลว่า เธอเข้ามารับตำแหน่งในภาวะที่ประเทศเผชิญกับความไร้เสถียรภาพครั้งใหญ่ทางเศรษฐกิจและการต่างประเทศ (ทั้งหมดที่ล้วนเกิดจากรัฐบาลอังกฤษ ยุคนายบอร์ริส จอห์นสัน อดีตนายกฯ ที่เดินตามก้นอเมริกันทั้งสิ้น) รัฐบาลของเธอมีแผนที่จะ “สร้างอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงด้วยการเก็บภาษีตํ่า” (นักเศรษฐศาสตร์และนักการเงินฟังแล้วก็ขำกลิ้ง) แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน ดิฉันไม่สามารถทำหน้าที่ที่ได้รับ มอบหมายได้
ไปดู นโยบายสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงด้วยการเก็บภาษีตํ่า ของ นางทรัสส์ ตามที่ นายควาซี ควาร์เต็ง อดีตรัฐมนตรีคลังคนแรก แถลงกันหน่อยครับ
1. จำกัดราคาพลังงานสำหรับครัวเรือนและธุรกิจเป็นเวลา 2 ปี โดยรัฐบาลจะกู้เงินมาอุดหนุนราคา คาดว่าจะใช้เงินราว 60,000 ล้าน ปอนด์ ราว 2.58 ล้านล้านบาท ในช่วง 6 เดือนแรก
2. ยกเลิกการปรับขึ้นเงินนำส่งกองทุนประกันสังคม
...
3. ยกเลิกแผนขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
4. ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเร็วขึ้น 1 ปี โดยจะ ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุด หรือ ภาษีคนรวย จาก 45% ลงมาเหลือ 40%
ไม่น่าเชื่อนะครับ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ตกตํ่าและถดถอยของอังกฤษ รัฐบาลนางทรัสส์ ยังคิดจะหาเสียงกับประชาชนและคนรวย ด้วยการลดภาษีแบบกระหน่ำ ซึ่งจะยิ่งทำให้รายได้ของรัฐบาลอังกฤษลดน้อยลงไปอีก เหมือนคนโง่คิดย้ายภูเขายังไงยังงั้น
นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่า แผนลดภาษีของนางทรัสส์ จะทำให้รัฐบาลอังกฤษต้องกู้เงินมาใช้จ่ายในปีนี้ไม่ตํ่ากว่า 190,000 ล้านปอนด์ กว่า 8 ล้านล้านบาท และ อาจจะต้องกู้อีกปีละ 100,000 ล้านปอนด์ ราว 4.3 ล้านล้านบาท ตลอด 4 ปีข้างหน้า กู้เก่งไม่แพ้รัฐบาลลุงแถวนี้เลย สร้างความกังวลแก่นักลงทุนอย่างมาก ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 30 ปี พุ่งจาก 1% ขึ้นไปแตะที่ 1.8% และ ดอกเบี้ยเงินกู้ของรัฐบาลอังกฤษพุ่งจาก 3.6% ขึ้นไปอยู่ที่ 5% จน รัฐบาลนางทรัสส์ ต้องรีบออกมา ประกาศยกเลิกแผนการลดภาษีทั้งหมดทันที แต่ก็ไม่สามารถกอบกู้ความเชื่อมั่นให้กลับมาได้
ในที่สุด นางทรัสส์ ก็ต้องลาออก หลังจากที่เป็นนายกฯอังกฤษได้เพียง 45 วัน แต่ได้สร้างความเสียหายให้กับอังกฤษศูนย์กลางการเงินของโลกไว้อย่างมหาศาล จนยากที่จะฟื้น
ในช่วง 8 ปี รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประเทศไทยโชคดีที่ได้รัฐมนตรีคลังอย่าง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ดร.อุตตม สาวนายน ที่ยอมหักไม่ยอมงอ ไม่ยอมตามใจนายกฯทหาร คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีคลังคนปัจจุบัน มาจากสภาพัฒน์ ยึดมั่นในหลักการ แต่ผ่อนหนักผ่อนเบาบ้าง ทำให้ยังรักษาวินัยการเงินการคลังไว้ได้ ไม่งั้นอาจจะเละเหมือนกัน แค่ลดเงินใต้โต๊ะลง 10% คนไทย 68 ล้านคน จะมีเงินพัฒนาประเทศเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 200,000 ล้านบาทต่อปี จากคนรวยไม่กี่พันคน อะเมซิ่ง ไทยแลนด์.
“ลม เปลี่ยนทิศ”