ฮ่องกงประกาศแผนวีซ่าใหม่ หวังดึงดูดชาวต่างชาติที่มีรายได้สูง ในช่วงที่ฮ่องกงเผชิญปัญหาสมองไหล และเสี่ยงต่อการสูญเสียตำแหน่งศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศ
จอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ระบุในวันพุธว่า ภายใต้มาตรการวีซ่าใหม่ Top Talent Pass Scheme จะเปิดทางให้ชาวต่างชาติที่มีรายได้ 2.5 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 12 ล้านบาทต่อปีหรือมากกว่านั้น และเป็นผู้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก ให้เข้ามาทำงานหรือหางานในฮ่องกงเป็นเวลา 2 ปี โดยมีมาตรการจูงใจทางภาษีและอำนวยความสะดวกในการจ้างงานคนกลุ่มนี้มากขึ้น เพื่อดึงดูดแรงงานทักษะสูงให้เข้ามาทำงานในฮ่องกง
นอกจากนี้ ชาวต่างชาติในฮ่องกงซึ่งเป็นผู้ซื้อบ้านรายใหม่จะได้รับเงินภาษีคืนบางส่วนสำหรับการซื้อบ้านหลังแรก เมื่อพวกเขาเป็นผู้พำนักถาวรแล้ว
แผนวีซ่าใหม่ของฮ่องกงนี้ มีขึ้นในช่วงที่ชาวฮ่องกงกว่าแสนคนย้ายออกไปจากฮ่องกงในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เนื่องจากมาตรการปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมือง เสรีภาพของประชาชนที่ถูกลดทอนลงไปอันเป็นผลมาจากกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ และมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวดของฮ่องกง
ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ระบุว่า "เราต้องมีมาตรการเชิงรุกและเข้มข้นมากขึ้นในการแข่งขันเพื่อองค์กรและเฟ้นหาแรงงานมีทักษะ นอกเหนือจากการรักษาแรงงานท้องถิ่นที่มีอยู่"
ที่ผ่านมา ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง เจอกระแสกดดันในการปรับปรุงบทบาทของฮ่องกงให้ยังคงเป็นศูนย์กลางภาคธุรกิจและการเงินชั้นนำอย่างต่อเนื่อง หลังเผชิญภาวะสมองไหล หลังพลเมืองย้ายออกจากฮ่องกงเป็นจำนวนมาก จนเกิดความกังวลว่าแรงงานที่มีทักษะสูงเหล่านี้จะย้ายไปอยู่ศูนย์กลางการเงินอื่นที่เป็นคู่แข่งของฮ่องกง อย่างสิงคโปร์และดูไบ โดยนายลีตั้งเป้าที่จะจ้างแรงงานที่มีทักษะราว 35,000 คน ต่อปี
...
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเมื่อเดือนสิงหาคมระบุว่า ช่วงกลางปีที่ผ่านมาประชากรฮ่องกงลดลงจากปีที่แล้ว 1.6% หรือราว 113,200 คน นับเป็นตัวเลขประชากรที่ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ฮ่องกงเริ่มเก็บข้อมูลสำมะโนประชากรในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา
สิงคโปร์ครองแชมป์ในการจัดอันดับศูนย์กลางทางการเงินโลกแทนที่ฮ่องกงเมื่อเดือนที่แล้ว และเมื่อเดือนสิงหาคม รัฐบาลสิงคโปร์ออกเกณฑ์วีซ่าทำงาน 5 ปี ให้แก่ผู้ที่รายได้อย่างน้อย 30,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเดือน โดยผู้ถือวีซ่าประเภทนี้จะสามารถสมัครทำงานหลายบริษัทพร้อมกันได้ และยังเปิดโอกาสให้พาคู่สมรสเข้ามาทำงานในสิงคโปร์ได้ด้วย
นายลียังกล่าวว่า ฮ่องกงยังคงมี "ดีเอ็นเอที่แข็งแกร่ง" สำหรับการแข่งขัน เนื่องจากมีจุดแข็งจากที่ตั้งในเชิงภูมิศาสตร์ ประชากร การศึกษา แรงงาน ซึ่งทำให้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการเงิน การขนส่งสินค้า การค้าของโลก รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวที่มีการผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออก และรัฐบาลอยู่ระหว่างการพัฒนาให้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางด้านไอที.
ที่มา AP