สงครามรัสเซีย-ยูเครน ต้นเหตุของวิกฤติพลังงานเริ่มจะลามออกนอกภูมิภาคยุโรป กลายเป็นความขัดแย้งของคู่กรณี สามขั้วมหาอำนาจ รัสเซีย จีน และ สหรัฐฯ ความชัดเจนที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้นกลายเป็นสงครามโลกทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงที่ก่อตัวมาเกือบ 6 เดือน รัสเซีย ยังเผด็จศึกใน ยูเครน ไม่สำเร็จเสียกำลังรบไปมากมายและกำลังถูกต่อต้านจากคนรัสเซียในการเกณฑ์ประชาชนเข้าร่วมสงคราม ปูติน ผู้นำรัสเซียเริ่มไม่มีทางออกที่ต้องเดิมพันด้วยตำแหน่งประธานาธิบดีตลอดกาล เหลือทางออกสุดท้ายคืออาวุธนิวเคลียร์
จีนมีข่าวลือถี่ๆมีการยึดอำนาจ ประธานาธิบดีตลอดกาล ของ สี จิ้นผิง จากขั้วอำนาจเก่า จากการดำเนินงานนโยบายจีนเดียวของ สี จิ้นผิง ที่ยังไม่มีความเด็ดขาด และท่าทีการเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย ที่ไม่เป็นผลดีกับจีนในเวทีโลกเท่าไหร่ เช่นเดียวกับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่กำลังเผชิญกับการจัดการปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำในประเทศอย่างหนักประกอบกับนโยบายขยายอำนาจของสหรัฐฯที่ผิดพลาดมากจนทำให้ ความเป็นมหาอำนาจของสหรัฐฯถูกบั่นทอนไปเยอะ ข้อมูลเหล่านี้ล้วนนำไปสู่สงครามในอนาคตที่ประมาทไม่ได้
แม้ ราคาน้ำมันในตลาดโลก จะลดลงต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากเหตุอุปสงค์อุปทาน แต่โดยปัจจัยของสงครามและเมื่อดูเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบาย การถดถอยทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มว่าในที่สุดแล้ว ราคาน้ำมันจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาดที่แท้จริง
วิธีเอาตัวรอดในเวลานี้คือ การประหยัดและใช้พลังงานให้คุ้มค่ามากที่สุด ไม่ต้องไปวางแผนอะไรให้ยุ่งยาก ดูตาม โมเดลการประหยัดพลังงานของ ปตท. แก้วิกฤติพลังงานแบบง่ายๆ ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ที่ 26 องศา ใช้การเดินขึ้นลงบันได แทนการใช้ลิฟต์ ปิดไฟช่วงพัก ปิดคอมพิวเตอร์ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งาน บำรุงรักษา ให้อุปกรณ์การทำงานใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ
...
ปรากฏว่า อาคาร ปตท. ที่เปิดแอร์ 26 องศา ในเดือน ก.ค. ลดการใช้ไฟได้ 88,364 ยูนิต ประหยัดค่าไฟ ได้ 345,000 บาทต่อเดือน หรือ 4,248,000 บาทต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้ประมาณ 37 ตันคาร์บอนต่อเดือน หรือ 444 ตันคาร์บอนต่อปี เทียบเท่ากับเป็นการดูดก๊าซคาร์บอนจากต้นไม้จำนวน 3,917 ต้น คิดเป็นพื้นที่ปลูกต้นไม้ 40 ไร่
นอกจากนี้ การขึ้นบันได 1 ขั้น เผาผลาญพลังงานได้ 0.066 แคลอรีต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัว ประหยัดไฟการใช้ลิฟต์ได้ 22,000 บาทต่อเดือน หรือ 264,000 บาทต่อปี ลดการปล่อยคาร์บอน 114 กิโลกรัมคาร์บอนต่อเดือนหรือ 1.4 ตันคาร์บอนต่อปี ก๊าซเรือนกระจกลดได้ เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ดูดซับคาร์บอนจำนวน 12 ต้น
และถ้าดูแลอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสม่ำเสมอ เช่น ทำความสะอาดหลอดไฟอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง จะช่วยประหยัดไฟได้ 105,520 ยูนิตต่อปี ประหยัดค่าไฟ 420,000 บาทต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 47 ตันคาร์บอน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ดูดซับคาร์บอน 4,632 ต้น คิดเป็นพื้นที่ปลูกต้นไม้ 47 ไร่ และถ้าทุกคนหันมาใช้รถ EV จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึงร้อยละ 20 จากการเดินทางเฉลี่ยวันละ 50 กิโลเมตร ช่วยกันประหยัดก่อนที่จะเจอกับวิกฤติดีกว่า.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th