ทหารของอาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจานยิงอาวุธตอบโต้กันบริเวณเมืองชายแดนเมื่อคืนวันจันทร์ จนมีผู้เสียชีวิตหลายสิบศพ ก่อนที่รัสเซียจะออกมาบอกว่า ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงหยุดยิงแล้ว

สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า อาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจานปะทะกันรอบใหม่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรี นิโคล ปาชินยาน แห่งอาร์เมเนียระบุในวันอังคารที่ 13 ก.ย. 2565 ว่า ทหารของพวกเขาเสียชีวิต 49 นายในการปะทะช่วงข้ามคืน ก่อนที่รัสเซียจะออกมาประกาศว่า ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงหยุดยิงแล้วโดยมีพวกเขาเป็นตัวกลางเจรจา

อาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจานระหองระแหงกันมาตลอด จากการแย่งชิงพื้นที่พิพาท นากอร์โน-คาราบัคห์ ซึ่งเป็นดินแดนในอาเซอร์ไบจานและนานาชาติก็ให้การยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของอาเซอร์ไบจาน แต่ประชากรส่วนใหญ่กลับเป็นชนพื้นเมืองชาวอาร์เมเนีย โดยข้อพิพาทนี้ทำให้ทั้งสองฝ่ายทำสงครามกันมาแล้ว 2 ครั้ง และปะทะกันประปรายเรื่อยมา

อาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจานต่างโทษอีกฝ่ายว่าเป็นต้นเหตุทำให้เกิดการปะทะล่าสุด โดยฝ่ายอาร์เมเนียอ้างว่า ทหารอาเซอร์ไบจานยิงปืนใหญ่เข้าใส่เมืองกอริส, ซอตค์ และเจอร์มุค บริเวณชายแดนของพวกเขา ทำให้ต้องโจมตีตอบโต้

ขณะที่ฝ่ายอาเซอร์ไบจานระบุว่า โครงสร้างพื้นฐานของพวกเขาถูกโจมตีก่อน โดยพันโท อานาร์ เอย์วาซอฟ โฆษกกองทัพกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของทหารในช่วงเดือนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า อาร์เมเนียกำลังเตรียมตัวเพื่อการยั่วยุทางทหารขนาดใหญ่

เหตุความรุนแรงดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงคืนวันจันทร์ ก่อนที่ทางการรัสเซียจะออกมาบอกว่า พวกเขาเป็นตัวกลางเจรจาข้อตกลงหยุดยิงระหว่างทั้งสองฝ่ายเรียบร้อยแล้ว และมีผลบังคับใช้ในช่วงเช้าวันอังคาร อย่างไรก็ตาม นายปาชินยานกล่าวว่า ความเป็นศัตรูลดลง แต่การโจมตีจากอาเซอร์ไบจานยังดำเนินอยู่ 1-2 จุด

...

ทั้งนี้ การต่อสู้เมื่อคืนวันจันทร์นับเป็นการปะทะกันระหว่างอาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจานครั้งรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตหลายพันราย และจบลงโดยที่รัสเซียเข้ามาเป็นตัวกลางเจรจา ทำให้ฝ่ายอาร์เมเนียยอมถอนทหารออกจากพื้นที่รอบภูมิภาค นากอร์โน-คาราบัคห์

ในการปะทะครั้งล่าสุด คาดว่าทหารอาเซอร์ไบจานก็มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเช่นกัน แต่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใดๆ ต่อสาธารณะ