เว็บไซต์ข่าวโพลิติโก สื่อการเมืองชื่อดังของสหรัฐฯ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ระบุว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ มีแผนการที่จะขอให้รัฐสภาอนุมัติการขายอาวุธให้ไต้หวันเป็นมูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางความตึงเครียดกับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

โพลิติโก รายงานว่า อาวุธที่สหรัฐฯ มีแผนจะขายให้กับไต้หวันครั้งนี้ ยังรวมถึง จรวดต่อต้านเรือผิวน้ำ 60 ชุด และระบบขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ 100 ชุด รวมมูลค่าประมาณ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 40,073 ล้านบาท

รัฐบาลของนายไบเดนและสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ต่างเน้นย้ำถึงการให้การสนับสนุนรัฐบาลไต้หวันอย่างต่อเนื่อง และมีรายการอาวุธใหม่ต่างๆ ที่เตรียมให้ความเห็นชอบที่จะจำหน่ายให้ใต้หวันรออยู่เป็นจำนวนมากที่จะมีการประกาศในอีกไม่กี่สัปดาห์ หรือไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แต่การจำหน่ายอาวุธจะมุ่งเน้นเรื่องการรักษาระบบทางการทหารของไต้หวันให้มีความยั่งยืน และทำให้แผนการสั่งซื้ออาวุธที่ดำเนินการไปแล้วมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มากกว่าจะเพิ่มขีดความสามารถใหม่ๆ ที่อาจจะยิ่งทำให้ความตึงเครียดกับจีนทวีความรุนแรงมากกว่าเดิม ทำเนียบขาวยังไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อรายงานของโพลิติโก แต่อย่างใด

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังกระทรวงกลาโหมของไต้หวันเสนอร่างแผนงบประมาณ สำหรับปีงบประมาณ 2565/2566 ต่อสภานิติบัญญัติ หรือสภาหยวน สูงเป็นประวัติการณ์ 586,300 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือราว 701,146 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และนับเป็นการเพิ่มงบประมาณกลาโหมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2017

ด้านจีนประกาศงบประมาณกลาโหม เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 1.45 ล้านล้านหยวน หรือราว 7.64 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ และอีกหลายประเทศเชื่อว่า ตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงกว่านั้นมาก

...

รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน และฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ เน้นย้ำถึงการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องต่อรัฐบาลไต้หวัน และยังมีรายการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการอนุมัติสำหรับไต้หวัน ที่เตรียมประกาศในอีกไม่กี่สัปดาห์ หรืออีกหลายเดือนข้างหน้า

จากข้อมูลแหล่งข่าวสามแห่งที่ขอไม่เปิดเผยชื่อระบุว่า ประเด็นที่มีความสำคัญยังคงอยู่ที่การรักษาระบบกองทัพในปัจจุบันของไต้หวัน และปฏิบัติตามคำสั่งที่มีอยู่ แทนที่จะเสนอการเพิ่มขีดความสามารถใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มจะเป็นชนวนให้เกิดความตึงเครียดที่ร้อนแรงกับจีน.