เปิดภาพ รัสเซียยิงขีปนาวุธมาโจมตีท่าเรือเมืองโอเดสซา เพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากเพิ่งส่งตัวแทนมาร่วมลงนามกับยูเครน จะไม่โจมตีเมืองท่ายูเครน เพื่อเปิดทางให้เรือสินค้าบรรทุกธัญพืชผ่านทะเลดำได้อย่างปลอดภัย
เมื่อ 24 ก.ค. 2565 ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวประณามรัสเซีย ‘ป่าเถื่อน’ หลังยิงมิสไซล์หรือขีปนาวุธ มาโจมตีท่าเรือเมืองโอเดสซา หนึ่งในเมืองท่าสำคัญริมฝั่งทะเลดำ ของยูเครน เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2565 เพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียได้ส่งนายเซอร์เก ชอยกู รมว.กลาโหมมาลงนามตกลงกับยูเครน ที่นครอิสตันบูล ว่ารัสเซียจะไม่โจมตีเป้าหมายเมืองท่าสำคัญของยูเครน เพื่อเปิดทางให้ยูเครนสามารถส่งธัญพืชผ่านทะเลดำได้อย่างปลอดภัย
มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอบนโลกออนไลน์ แสดงให้เห็นภาพเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว ได้ยินเสียงปืนดังระรัว และเกิดเหตุระเบิดดังสนั่นที่บริเวณท่าเรือเมืองโอเดสซา โดยประธานาธิบดีเซเลนสกีได้ชี้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า รัสเซียไม่สามารถไว้วางใจได้ในการปฏิบัติตามข้อตกลง โดยประธานาธิบดีเซเลนสกียังประกาศว่ายูเครนจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ในการทำให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศ สามารถจะยิงสกัดจรวดหรือมิสไซล์จากรัสเซียให้ได้ในอนาคต
...
อย่างไรก็ตาม ด้านรัสเซียยังไม่ได้มีการแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์โจมตีเมืองท่าโอเดสซาในครั้งนี้ ในขณะที่รัฐบาลกรุงเคียฟแถลงว่าการกลับมาส่งธัญพืชโดยเรือสินค้าผ่านทางทะเลดำจะยังคงดำเนินการต่อไป ถึงแม้รัสเซียได้ฝ่าฝืนข้อตกลงที่ระบุว่าจะไม่โจมตีเมืองท่าของยูเครนก็ตาม
ทั้งนี้ ยูเครนเป็นประเทศส่งออกธัญพืชที่สำคัญของโลก ทว่านับตั้งแต่รัสเซียทำสงครามในยูเครน เมื่อ 24 ก.พ. 2565 ทำให้มีธัญพืชถึงประมาณ 20 ล้านตัน ต้องติดชะงักอยู่ที่ท่าเรือต่างๆ ของยูเครน เพราะเรือสินค้าไม่สามารถแล่นผ่านทะเลดำออกไปได้ เนื่องจากถูกกองกำลังรัสเซียปิดล้อม จนนำไปสู่การเกิดวิกฤติอาหารโลก ประเทศในแอฟริกาขาดแคลนอาหาร และราคาอาหารพุ่งสูงขึ้น
กระทั่ง เมื่อวันศุกร์ที่ 22 ก.ค. 2565 ประธานาธิบดีปูตินได้ส่งนายเซอร์เก ชอยกู รมว.กลาโหมรัสเซียมาลงนามในข้อตกลงกับยูเครน ที่จะไม่โจมตีเมืองท่าต่างๆ ของยูเครน เพื่อคลี่คลายวิกฤติอาหารทั่วโลก โดยมีนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ และประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป เอร์โดอาน แห่งตุรกี (ตุรเคีย) เป็นสักขีพยาน ซึ่งพิธีลงนามมีขึ้น ณ พระราชวังโดลมาบาห์เช ในนครอิสตันบูล ของตุรกี
ที่มา : BBC