• รัฐมนตรีต่างประเทศชาติสมาชิก G20 ร่วมประชุมกันที่เมืองเดนปาซาร์ เกาะบาหลี อินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 7-8 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหารือความร่วมมือของกลุ่มที่กำลังเผชิญความท้าทายทางด้านเศรษฐกิจจากปัจจัยคุกคาม ทั้งเรื่องของภาวะสงคราม การระบาดของโควิด-19 ภาวะขาดแคลนอาหาร และภาวะเงินเฟ้อ
  • สงครามยูเครนเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างการประชุม และจากกลุ่มความร่วมมือก็กลายเป็นเวทีเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย โดยชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ แสดงจุดยืนหนุนสหรัฐฯเต็มที่ ส่วนสมาชิกที่เหลืออย่างจีน อินเดีย บราซิล และแอฟริกาใต้ ต่างแสดงจุดยืนสนับสนุนรัสเซีย
  • การประชุมระดับผู้นำกลุ่ม G20 จะมีขึ้นที่เมืองบาหลี ในเดือน พ.ย. ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ตอบรับว่าจะเดินทางไปร่วมประชุม ทำให้เกิดความวิตกว่าที่ประชุมคงจะปั่นป่วนหนักกว่านี้ และเต็มไปด้วยการสาดสี ดราม่าใส่กัน ไม่สามารถหาข้อยุติในการแก้ปัญหาวิกฤตของโลกในขณะนี้ได้

การประชุมของรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่ม จี20 (G20 Foreign Ministers’ Meeting-G20 FMM) ภายใต้ธีม "Recover Together, Recover Stronger" ได้เริ่มส่อเค้ามีลางร้ายและวุ่นวายตั้งแต่เริ่มงาน เมื่อนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษประกาศลาออกจากตำแหน่ง ทำให้ นางลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ต้องถอนตัวจากการประชุม เดินทางกลับประเทศทันที โดยมี เซอร์ทิม แบร์โรว์ อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำสหภาพยุโรป รับหน้าที่เป็นผู้แทนรัฐบาลอังกฤษตลอดการประชุม

ขณะที่การต้อนรับ นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เป็นไปอย่างอึมครึม เมื่อมีคนตะโกนเสียงดังประณามรัสเซียที่ก่อสงครามบุกยูเครน "เมื่อไหร่คุณจะยุติสงคราม" และ "ทำไมคุณไม่ยุติสงคราม" ระหว่างที่นายลาฟรอฟ เดินเข้าสู่สถานที่จัดประชุมและจับมือกับนางเรตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ทำให้บรรยากาศการประชุมเริ่มขึ้นด้วยความตึงเครียด และจบลงแบบไร้ข้อสรุป เมื่อที่ประชุมได้รับทราบข่าวเสียชีวิตของ นายชินโสะ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น จากการถูกลอบสังหารในช่วงเย็นวันศุกร์ (8 ก.ค.) ทำให้การประชุมในช่วงท้ายๆ มีแต่การกล่าวไว้อาลัยต่อการจากไปของอดีตผู้นำญี่ปุ่น

...

สงครามยูเครนป่วนเวทีประชุม รมต.ต่างประเทศกลุ่ม G20

รัสเซียวอล์กเอาต์หลังโดนกดดันหนัก

นับว่าเวทีประชุมรัฐมนตรี G20 เป็นที่แรกที่ทำให้นายลาฟรอฟ ต้องมาเผชิญหน้ากับบรรดาผู้แทนประเทศอื่นๆในเวทีโลก หลังรัสเซียทำสงครามบุกยูเครนเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา

ก่อนการประชุมสหรัฐฯ และบรรดาชาติพันธมิตร ต่างรุมประณามรัสเซียที่บุกโจมตียูเครน และระหว่างการประชุม หลายประเทศก็ต่างพูดถึงประเด็นรัสเซียรุกรานยูเครนและผลกระทบต่างๆ ซึ่ง นายลาฟรอฟ กล่าวว่า การที่รัสเซียบุกยูเครน ไม่ได้เป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤติอาหารโลก ที่ทำให้ผู้คนหลายล้านคนอดอยากขาดแคลนอาหาร และบอกว่ามาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียก็ไม่ต่างจากการประกาศสงคราม 

จากนั้น นางอันนาเลนา แบร์บอค รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ก็ต่อว่ารัฐบาลรัสเซียอย่างรุนแรงในประเด็นรุกรานยูเครน จน นายลาฟรอฟ ตัดสินใจเดินออกจากการประชุมในภาคเช้า และพอกลับมาในห้องประชุมช่วงบ่าย นายลาฟรอฟก็ต้องออกจากการประชุมไปอีกครั้งทั้งช่วงถึงช่วงต่อสายถึงรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน และช่วงที่ นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เริ่มกล่าวประณามรัสเซียในการประชุม โดยกล่าวหารัสเซียว่าเป็นต้นเหตุของวิกฤติอาหารโลก และเรียกร้องให้รัฐบาลรัสเซียยกเลิกการปิดกั้นน่านน้ำ เพื่อเปิดทางให้มีการขนส่งธัญพืชออกจากยูเครน

สงครามยูเครนป่วนเวทีประชุม รมต.ต่างประเทศกลุ่ม G20

โดยลาฟรอฟได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้านนอกว่า พันธมิตรชาติตะวันตกกำลังพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจโลก และเอาแต่วิพากษ์วิจารณ์รัสเซียอย่างดุเดือด และเห็นได้ชัดว่าสหรัฐฯเพียงต้องการให้ยูเครนมีชัยเหนือรัสเซีย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ทำให้เขาไม่มีอะไรจะเสวนากับชาติตะวันตกแล้ว

สงครามยูเครนป่วนเวทีประชุม รมต.ต่างประเทศกลุ่ม G20

ไร้แถลงการณ์ร่วมของที่ประชุม

ประเด็นสงครามรัสเซียรุกรานยูเครน และผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหาร และพลังงาน เป็นประเด็นหลักที่รัฐมนตรี G20 หารือกัน โดยหลายประเทศเรียกร้องการยุติสงครามในยูเครน และขอให้รัสเซียยุติการปิดล้อมเส้นทางการขนส่งธัญพืชออกจากทะเลดำ และทะเลอาซอฟ เพื่อบรรเทาความวิกฤติของห่วงโซ่อาหารโลก

...

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมกลับจบลงแบบไร้ข้อสรุป ไม่มีแถลงการณ์ร่วม ไม่มีแม้แต่การถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับประเทศ โดยไม่มีประกาศเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงใดๆ

ในถ้อยแถลงปิดประชุมของประเทศเจ้าภาพ เรตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ระบุว่าที่ประชุม G20 แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการประสานความร่วมมือหลายฝ่าย และความสำคัญมากท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้นทั่วโลก

สงครามยูเครนป่วนเวทีประชุม รมต.ต่างประเทศกลุ่ม G20

เจ้าภาพอินโดฯ พยายามทำดีที่สุดแล้ว

ในฐานะเจ้าภาพการประชุมนับได้ว่าอินโดนีเซียสามารถทำหน้าที่ได้อย่างดีที่สุดเท่าที่ปัจจัยต่างๆ จะเอื้ออำนวย ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จในการเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศ 20 ชาติมาได้ครบองค์ประชุม พร้อมแจ้งแก่ผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดว่า "ความขัดแย้งต้องยุติด้วยการเจรจา"

โดยงานนี้อินโดนีเซียทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย และสหรัฐฯ ได้มานั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน แม้ทั้งคู่จะเมินหน้าใส่กันและไม่พูดคุยกันเลยก็ตาม นอกจากนี้ยังได้ประสานงานให้แขกรับเชิญ นายดิมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ได้ร่วมเวทีประชุมผ่านระบบวิดีโอลิงก์

...

สงครามยูเครนป่วนเวทีประชุม รมต.ต่างประเทศกลุ่ม G20

ขณะเดียวกัน นอกรอบการประชุม ยังเป็นโอกาสดีที่รัฐมนตรีสองชาติมหาอำนาจ นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ได้พบหารือกัน แม้ทั้งสองฝ่ายจะไม่มีข้อสรุปใดๆ ร่วมกัน แต่ก็แสดงถึงความตั้งใจที่จะพบปะแลกเปลี่ยนกัน นำไปสู่การแก้ปัญหาอื่นๆ อย่างความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โรคระบาด ปราบปรามยาเสพติด และสถานการณ์ในเมียนมา

กลุ่ม G20 ประกอบด้วย อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล อังกฤษ แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อินโดนีเซีย อิตาลี ญี่ปุ่น เม็กซิโก รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ เกาหลีใต้ ตุรกี สหรัฐฯ และกลุ่มสหภาพยุโรป หรืออียู แรกเริ่มเดิมทีก่อตั้งขึ้นในปี 2542 เพื่อหารือนโยบายในการสร้างเสถียรภาพต่อระบบการเงินโลก หลังเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ในปี 2540 ซึ่งทำให้เงินบาททรุดตัวลง และส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินระหว่างประเทศ 

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความตึงเครียดและกดดัน ที่ประชุมก็ได้มีเวลาเล็กน้อยหารือกันเกี่ยวกับวิกฤตเงินเฟ้อ สเถียรภาพทางเศรษฐกิจโลก ตลาดพลังงานระหว่างประเทศ สันติภาพและความมั่นคง ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นทั่วโลกจากวิกฤติขาดแคลนอาหารและพลังงาน 

...

จากนี้ไปหลายฝ่ายต้องจับตาการประชุมระดับผู้นำกลุ่ม G20 จะมีขึ้นที่เกาะบาหลี ที่เดิม ในเดือน พ.ย. ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จะเดินทางไปร่วมประชุมด้วยหากไม่มีสถานการณ์อะไรเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดความวิตกว่าที่ประชุมอาจจะปั่นป่วนหนักกว่านี้ และจะสามารถหาข้อยุติในการแก้ปัญหาวิกฤติของโลกในขณะนี้ได้หรือไม่.

ผู้เขียน : เพ็ญโสภา สุคนธรักษ์

ข้อมูล : The Guardian Reuters