ค.ศ.1916 หรือ พ.ศ.2459 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 มีการตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและกองลูกเสือหญิง พอถึง พ.ศ.2460 ก็มีการจัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมขึ้นที่กุลสตรีวังหลัง ใน พ.ศ.2460 เดียวกันนั้นเอง คนจีนในไทยตั้งชมรมฮุ่ยบุ่นเต้ที่ถนนเจริญกรุง เป็นองค์กรจีนแห่งแรกบนแผ่นดินไทย ฮุ่ยบุ่นเต้เป็นศูนย์กลางการติดต่อนัดหมายของญาติพี่น้องไหหลำในแผ่นดินไทยและผู้ที่เพิ่งเดินทางจากจีนเข้ามาอยู่ในแผ่นดินสยาม
ต่อมามีชมรมเข่งจิวกงโต่ว หรือที่ภาษาจีนกลางเรียกว่าฉ่งโจวกงโชว ต่างแยกกันทำงานช่วยชาวจีน จึงมีการรวมชมรมทั้งสองตั้งเป็นสมาคมฮุ่ยบุ่นเต้ และมีการเปลี่ยนชื่อเป็นสมาคมไหหนำแห่งประเทศไทย เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป ชาวไหหลำส่วนหนึ่งอยากรื้อฟื้นสมาคมฮุ่ยบุ่นเต้ขึ้นใหม่ จึงไปจดทะเบียนโดยใช้ชื่อว่า ‘สมาคมสหกรรมกรจีนแห่งประเทศไทย’ หรือสมาคมเจ๊กกังฮุ่ยก่วน
ขณะนั้นยังไม่มีชาวจีนภาษาอื่นตั้งเป็นสมาคม ชาวจีนแต้จิ๋ว จีนไต้หวัน จีนกวางตุ้ง จึงเข้ามาอยู่รวมกันในสมาชิกสมาคมเจ๊กกังฮุ่ยก่วน โดยความเห็นชอบกับคำกล่าวของท่านซุนจงซัน หรือ ดร.ซุนยัตเซ็น ซึ่งท่านเดินทางมาเยี่ยมชาวจีนในเมืองไทยว่า ควรมีการผนึกกำลังให้เข้มแข็งเพื่อเตรียมปฏิวัติการปกครองที่มีท่าน (ดร.ซุนยัตเซ็น) เป็นผู้นำ
ดร.ซุนยัตเซ็นมาท่านนอนค้างคืนที่สมาคมเจ๊กกังฮุ่ยก่วนซึ่งอยู่ในย่านถนนสีลมด้วย เตียงที่ท่านนอนก็ยังอยู่ที่สมาคมจนกระทั่งทุกวันนี้ มีหลายท่านอ่านชื่อสมาคมพบคำว่า เจ๊กกังฮุ่ยก่วน ก็ดูเหมือนกับว่าเป็นสมาคมของกรรมกร จึงมีการเปลี่ยนชื่อสมาคมอีกครั้ง จนปัจจุบันสมาคมนี้มีชื่อว่า สมาคมสหกิจไทยจีนแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรจีนที่เก่าแก่ที่สุดที่อยู่ในประเทศไทยมีอายุจนถึงปัจจุบันมากกว่า 100 ปี ผู้บริหารสมาคมในปัจจุบันเป็นกรรมการสมัยที่ 42
...
14.00-16.30 น. อังคาร 26 กรกฎาคม 2565 สมาคมสหกิจไทยจีนแห่งประเทศไทย เชิญฟังบรรยาย “ยุทธศาสตร์การค้า-การลงทุนในจีน กรณี : การเริ่มต้นธุรกิจด้วยทุนขนาดเล็ก” ที่ห้องประชุม B2 ชั้น 12 อาคาร Thai CC หอการค้าไทยจีน ถนนสาทรใต้ กรุงเทพฯ
โดย ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย ประธานจอยเอ็นโค ซึ่งเป็นบริษัทประกอบธุรกิจภัตตาคารไทยในเมืองกุ้ยหลิน (กว่างซี) ฉางซา (หูหนาน) อู่ฮั่น (หูเป่ย์) ซัวเถา (กว่างตง) และหนานหนิง (กว่างซี) ฟังบรรยายฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ที่คุณสุนทรีย์ 08-1801-9901 จองก่อนได้ก่อน มีเพียง 200 ที่นั่ง
สงกรานต์ที่ผ่านมา สีจิ้นผิง และคณะผู้บริหารระดับสูงของจีนไปตรวจความคืบหน้าและมอบนโยบายชุดใหม่ในการพัฒนามณฑลไห่หนาน ซึ่งมีประชากรทั้งมณฑลเพียง 9 ล้านคน น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับมณฑลอื่น พื้นที่มณฑลก็มีขนาดเล็ก ใหญ่กว่าฮ่องกง เพียง 30 เท่า สิงคโปร์เพียง 45 เท่า ถ้าเปรียบเทียบกับเกาะภูเก็ต ไห่หนานก็ใหญ่กว่าเกาะภูเก็ตเพียง 60 เท่า
ไห่หนานเป็นมณฑลเดียวที่คนไทยสามารถเข้าไปได้โดยที่ไม่ต้องใช้วีซ่า รัฐบาลจีนต้องการพัฒนาไห่หนานให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและสวรรค์ของนักช็อปปิ้งภายใต้นโยบาย 4S คือ Sea, Sand, Sunshine และ Shopping ที่น่าสนใจที่สุดก็คือรัฐบาลจีนประกาศให้ไห่หนานเป็นพื้นที่นำร่องพิเศษ Hainan Free Trade Port หรือท่าเรือการค้าเสรีไห่หนาน มณฑลนี้จึงมีกฎหมายพิเศษที่ถูกตราขึ้นเพื่อเปิดเสรีและความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนพื้นฐาน
หลังจากอังกฤษเอาฝิ่นไปปล่อยที่จีน ทำให้คนจีนจำนวนมากติดฝิ่น เมื่อคนจีนติดกันเป็นจำนวนมาก จีนก็เป็นมังกรหลับ คนจีนที่ต้องการความเจริญก้าวหน้าก็อพยพออกจากแผ่นดินจีนเพื่อไปทำกินในแผ่นดินอื่น ปัจจุบันจีนเจริญเป็นอันดับต้นของโลก ลูกหลานชาวจีนโพ้นทะเลจำนวนหนึ่งก็กลับเข้าไปทำการค้าการลงทุนในประเทศจีน
26 กรกฎาคม 2565 ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิธณัฐ จะใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่งพูดรับใช้ รวมทั้งแสดงภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของการไปลงทุนในจีนด้วยทุนขนาดย่อม ท่านใดสนใจเชิญครับ ยินดีรับใช้ครับ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com