ฟินแลนด์กับสวีเดนตัดสินใจ สมัครเข้าเป็นองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติก เหนือ (นาโต) เรียบร้อยแล้ว ยุโรปทั้งสองประเทศต้องเสียสละความเป็นกลางที่หวงแหนและยึดถือมาอย่างยาวนาน หลังจากที่รัสเซียบุกยูเครน สวีเดนครองความเป็นกลางในสงครามมากว่า 200 ปี ส่วนฟินแลนด์เป็นกลางมากว่า 80 ปี

สวีเดนกับฟินแลนด์เป็นประเทศในทวีปยุโรปที่คนไทยรู้จักกันมานาน เมื่อมีการสำรวจเรื่องดีๆของโลก ทั้งสองประเทศมักจะติดอันดับต้นๆเสมอ ไม่ว่าจะเป็นด้านความโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต หรือด้านการศึกษา สวีเดนมักจะได้รัฐบาล “พรรคสังคมประชาธิปไตย” การเมืองเป็นประชาธิปไตย เศรษฐกิจเอียงสังคมนิยม

เป็นสังคมนิยมแบบเสรี ไม่ใช่สังคมนิยมคอมมิวนิสต์ใช้หลักสังคมนิยมสร้างความเป็นธรรมในสังคมที่เป็นธรรม มีความเหลื่อมล้ำน้อย ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจ แต่ไม่ยอมเข้าเป็นสมาชิกองค์การนาโต ซึ่งเป็นองค์การ ด้านการทหาร เพราะยึดความเป็นกลาง

ทั้งสองประเทศวางตัวเป็นกลาง ทั้งในสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 เป็นกลางทั้งในสงครามร้อนและสงคราม เย็น ในยุคที่มีการต่อสู้ระหว่างโลกคอม มิวนิสต์กับโลกเสรี เพิ่งจะมาเสียความบริสุทธิ์หลังจากที่รัสเซียบุกยูเครน ก่อนหน้านี้ทั้งสองประเทศไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น และหวังว่าผู้นำรัสเซียจะมีเหตุผล

การบุกยูเครนของรัสเซีย อาจทำให้ทั้งสองประเทศหวาดผวา เพราะต่างเป็นประเทศเล็ก ที่มีดินแดนติดกับรัสเซีย ฟินแลนด์มีพรมแดนติดต่อกับรัสเซียถึง 1,300 กม. อาจถูกบุกได้ทุกเม่ือ เพราะฟินแลนด์เคยโดนรัสเซียยึดครองมาแล้ว และการบุกยูเครนครั้งนี้ รัสเซียหวังว่าจะเผด็จศึกได้โดยเร็ว แต่ทำท่าจะกลายเป็นศึกยึดเยื้อ

...

ความยืดเยื้อในการรับ อาจทำให้ผู้นำรัสเซียหงุดหงิด ทั้งผู้นำทางการเมืองและกองทัพ มีการขู่ว่าอาจใช้ “อาวุธนิวเคลียร์” หลายครั้ง ยิ่งอาจทำให้ฟินแลนด์กับสวีเดนผวายิ่งขึ้น เพราะถ้าใช้อาวุธธรรมดา ยังสามารถป้องกันตนได้บ้าง เหมือนอย่างที่ยูเครนทำอยู่ แต่ถ้าใช้นิวเคลียร์ไม่มีทางรับมือได้ จึงต้องพึ่งนาโต

ทั้งสองประเทศต้องยอมเสียสละความเป็นกลาง ที่ยึดถือมายาวนาน ขอพึ่งแสนยานุภาพของนาโต เพื่อต่อต้านอาวุธนิวเคลียร์ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเหตุที่ไม่เกิดสงครามนิวเคลียร์เพราะ “ดุลแห่งความสยดสยอง” หรือดุลแห่งความหายนะ ถ้าคู่กรณีต่างมีนิวเคลียร์จะไม่กล้าใช้ เพราะ จะประสบอภิมหาหายนะทั้งสองฝ่าย.