อินโดนีเซียระงับส่งออกน้ำมันปาล์ม ซ้ำเติมราคาอาหารโลกที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง ส่วนประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อบริโภคอื่นๆ ประสบกับภาวะกดดันจากภัยธรรมชาติและสงครามในยูเครน

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 65 สำนักข่าว เดอะ การ์เดียน รายงานว่า อินโดนีเซียประเทศที่ส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้แบนการส่งออกน้ำมันปาล์มอย่างไม่มีกำหนด เพื่อแก้ปัญหาอาหารและสินค้าราคาแพง ทำให้เกิดความกังวลว่าการระงับการส่งออกน้ำมันปาล์มในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อราคาอาหารโลก เนื่องจากน้ำมันปาล์มนับเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ที่ถูกนำไปใช้ในการผลิตอาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ขณะที่คลังน้ำมันสำหรับบริโภคชนิดอื่นๆ อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากสงครามรัสเซียยูเครนและปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง

ผู้เชี่ยวชาญมองว่าราคาน้ำมันสำหรับบริโภคต่างๆ เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน และน้ำมันแรพซีด จะมีราคาแพงขึ้น และทุกประเทศจะได้รับผลกระทบจากการที่อินโดนีเซียแบนการส่งออกน้ำมันปาล์ม

นายเจมส์ ฟราย ประธานที่ปรึกษาสินค้าโภคภัณฑ์จากบริษัท เอลเอ็มซี อินเตอร์เนชันแนล ระบุว่า การตัดสินใจของอินโดนีเซียไม่ได้กระทบเพียงปริมาณน้ำมันปาล์มเท่านั้น แต่ยังกระทบปริมาณน้ำมันพืชทั่วโลกด้วย ซึ่งอินโดนีเซียนับเป็นผู้ผลิตน้ำมันพืชส่งออกราวหนึ่งในสามของโลก

...

การระงับส่งออกนำมันปาล์มของอินโดนีเซียเกิดขึ้นขณะที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันต้องอยู่ภายใต้ภาวะกดดันจากหลายปัจจัย เช่น ประเทศแอฟริกาใต้ผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองต้องประสบกับภัยแล้ง ขณะที่ประเทศแคนาดาผู้ผลิตน้ำมันแรพซีด เผชิญกับภัยธรรมชาติส่งผลกระทบต่อพืชคาโนลา ทำให้ผู้เชี่ยวชาญมองว่าขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดสามารถทดแทนน้ำมันปาล์มจากอินโดนีเซียได้ และทุกประเทศจะได้รับผลกระทบจากการแบนดังกล่าว.

ที่มา: Guardian